- การเสริมสร้างคุณลักษณะเด็กไทย
- – ๑ – การสอนให้นักเรียนคิดเป็น และ แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์
- ๑. กระบวนการของความคิด
- ๒. ปัจจัยที่เกื้อหนุนความคิด
- ๓. วิธีคิด
- ๔. ปฏิบัติการฝึกคนให้รู้จักคิด และการสร้างวัฒนธรรมแห่งปัญญา
- ๕. เดินหน้าไปเป็นพุทธ อย่าหยุดแค่เป็นพรหม
- – ๒ – เก่ง และ ดี อย่างมีความสุข
- สี่ข้อที่ต้องมี
- จัดตั้ง ต้องให้ถึงตัวแท้
- เด็กเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่เพื่อตามใจ แต่เพื่อให้เขาได้ทำ
- พอใช้หลักถูก ก็เห็นความสุขทันที
- ถ้าการศึกษาเข้าทางถูก ความสุขต้องพัฒนาทันที
- สุขกับของก็ดี สุขกับคนก็ต้องมี
- – ๓ – หลายเรื่องรอหน้า ท้าทายการศึกษา / ชอบเสรี แต่ไม่มีอิสรภาพ
- เสมอภาค เพื่อเอาให้เท่า หรือเพื่อให้เข้ากันได้ดี
- เกิดมาว่างเปล่า – ขาวสะอาด หรือขาดความรู้
- จัดตั้ง เพื่อให้เนื้ออยู่ได้
- แก้ขัดแย้งข้างนอก ก็เกิดขัดแย้งข้างใน
- เปลี่ยนแนวคิดใหม่ แก้ปัญหาได้ทั้งหมด
- ความพร้อมบ่มได้ ไม่ต้องรอให้พร้อมเอง
- ฝึกสมาธิ อย่าให้พลาดหลักใหญ่
- ถ้าเข้าถึงธรรมชาติ จะไม่ขาดความสุข
- ถ้าใช้สมาธิเป็น จะไม่ขาดปัญญา
- ถ้าสติดี สมาธิก็มี ปัญญาก็มา
- อนุโมทนา
๕. เดินหน้าไปเป็นพุทธ อย่าหยุดแค่เป็นพรหม
ในเรื่องนี้ ได้พูดย้ำบ่อยๆ ว่า สังคมไทยมีทั้งแง่ดีและแง่ร้าย ในแง่ดีนั้น สังคมของเราได้พัฒนามาดีในเรื่องของวัฒนธรรมทางจิตใจ หรือพูดง่ายๆ คือ วัฒนธรรมแห่งเมตตา ดังเป็นที่รู้กันว่า คนไทยนี้ดีด้านวัฒนธรรมทางเมตตา เช่น ยิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำใจอย่างสูง ซึ่งควรต้องรักษาไว้ แต่เวลานี้น่าเสียดายว่า แม้แต่วัฒนธรรมแห่งเมตตาที่ตัวมีเรื่อยมา ก็กำลังจะเสื่อมลง คนไทยมีความโหดร้ายมากขึ้น แม้แต่ในครอบครัวก็มีการทำร้ายกันมากขึ้น ถึงกับฆ่ากัน ฉะนั้น จะต้องตื่นขึ้นมาและสงวนรักษาอนุรักษ์วัฒนธรรมทางจิตใจ โดยเฉพาะวัฒนธรรมทางเมตตานั้นไว้
ส่วนวัฒนธรรมอีกด้านหนึ่งที่ขาด คือ การแสวงปัญญา ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่ว่า พระพุทธศาสนาเน้นที่ปัญญา ท่านให้เอาจิตใจเป็นฐาน แล้วก้าวขึ้นสู่ปัญญา
เรื่องนี้ต้องย้ำบ่อยๆ หลักก็มีอยู่อย่างชัดเจนว่า คนเป็นพระพุทธเจ้าได้ด้วยโพธิ คือด้วยปัญญา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็คือพัฒนาปัญญาจนเป็นโพธิ จึงตรัสรู้ได้ ถ้าเราไม่พัฒนาปัญญา ก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ ถึงจะพัฒนาจิตใจให้ดีให้สูงอย่างไร อย่างดีที่สุดก็เป็นพระพรหม หลักมีอยู่ว่า พระพรหม คือ ท่านผู้มีจิตใจดีงามสมบูรณ์ที่สุด โดยมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นพรหมวิหาร ๔ เมื่อได้พัฒนาคุณธรรมสี่ข้อนี้ ก็เรียกว่าเป็นพระพรหม
คนไทยพัฒนาจิตใจมาดี จนได้เป็นพระพรหมแล้ว แต่ตอนนี้จะไม่ยอมแม้แต่จะเป็นพระพรหม เพราะวัฒนธรรมทางจิตใจ ที่มีเมตตากรุณา เป็นต้น ก็กำลังเสื่อมลงไป ถ้าไม่รู้จักรักษาไว้ให้ดี ก็จะสูญเสียความเป็นพระพรหมไปด้วย แม้แต่ดีที่ตัวมีอยู่แล้ว ก็จะหมดสิ้นไป จึงต้องเน้นว่า จะต้องรักษาวัฒนธรรมน้ำใจ ที่ทำให้เป็นพรหมนั้นไว้ให้ได้
แท้จริงนั้น แม้แต่ที่ได้พัฒนามาเป็นพระพรหมแล้ว ก็ยังไม่พอ เราจะหยุดแค่นี้ไม่ได้ เราต้องดูว่า เมืองไทยเราเท่าที่ได้ก้าวหน้ามาในพระพุทธศาสนานี้ ยังไม่ถึงเป้าหมาย ถ้าเป็นอย่างที่พูดมานั้น เราก็ได้แค่เป็นพระพรหมเท่านั้นเอง คือ ได้วัฒนธรรมแห่งเมตตา ซึ่งเป็นวัฒนธรรมทางจิตใจอย่างสูง แต่เรายังจะต้องก้าวต่อไปอีก คือ จะต้องก้าวไปเป็นสังคมพุทธ มิใช่หยุดแค่เป็นพรหม ต้องเป็นสังคมที่สมบูรณ์ทางปัญญา ไม่ใช่แค่ว่าดีงามทางจิตใจ
วัฒนธรรมพุทธที่แท้ คือ วัฒนธรรมแห่งการแสวงหาปัญญา เมื่อเรามีปัญญาดี มีความรู้ที่ชัดเจน มีพลังแห่งปัญญาที่เข้มแข็ง ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งรู้เท่าทันโลกและจะนำโลกได้ ต้องถึงขั้นนั้น และเมื่อนั้นแหละจึงจะสามารถเป็นพุทธได้
คนมิใช่เป็นพุทธเพียงด้วยด้วยจิตใจ แต่เป็นได้ด้วยปัญญา แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีจิตใจที่ดีเป็นฐานด้วย เพราะฉะนั้น จึงบอกว่า “จงเดินหน้าไปเป็นพุทธ อย่าหยุดแค่เป็นพรหม”
เดี๋ยวนี้ สังคมของเรามาได้เป็นพรหมแล้ว ต้องรักษาความเป็นพรหมที่มีจิตใจดีงามนั้นไว้ให้ได้ แต่พร้อมกันนี้ ในเมื่อเรายังไม่ได้ขึ้นถึงความเป็นพุทธ เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป ต้องขอว่า เราจะต้องเน้นย้ำการสร้างวัฒนธรรมแห่งความรู้จักคิด คือสร้างวัฒนธรรมแห่งปัญญาขึ้นมาให้ได้ แล้วคนไทยจะเดินหน้าต่อไปสู่ความเป็นพุทธ ไม่หยุดแค่เป็นพรหม
ขอทุกท่านจงมีความเจริญงอกงามในชีวิต และสามารถทำประโยชน์สุขให้เกิดแก่ชีวิต ครอบครัว สังคม และโลกทั้งหมด เพื่อให้อยู่กันด้วยความร่มเย็น มีสันติสุขยั่งยืนนานสืบไป
No Comments
Comments are closed.