ส่งเสริมและประสานบทบาทของพุทธบริษัททุกฝ่าย พระ-โยม หญิง-ชาย ส่วนกลาง-ท้องถิ่น ราชการ-ประชาชน

3 กันยายน 2546
เป็นตอนที่ 7 จาก 15 ตอนของ

ส่งเสริมและประสานบทบาทของพุทธบริษัททุกฝ่าย
พระ-โยม หญิง-ชาย ส่วนกลาง-ท้องถิ่น ราชการ-ประชาชน

พระธรรมปิฎก: ขออนุโมทนา อันนี้เป็นจุดต่างๆ ที่เราจะไปดึงบทบาททั้งหลายที่ถูกต้องให้ฟื้นขึ้นมา

อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งขอตั้งจุดสังเกตไว้ด้วยก็คือ โดยสอดคล้องกับวัฒนธรรมประเพณีของเรา ในเรื่องของวัดเราไม่ได้นึกถึงแต่เจ้าอาวาสหรือฝ่ายพระอย่างเดียว เพราะว่าชุมชนเป็นเรื่องของพุทธบริษัททั้งหมด

วัดเป็นของพุทธบริษัททั้งหมด พระอยู่ที่วัด แต่พระนั้นก็ทำหน้าที่ต่อชุมชน และชาวบ้านก็มาที่วัด มาทำกิจกรรมต่างๆ ที่วัด เพราะฉะนั้นชาวบ้านก็เอาวัดเป็นศูนย์กลางในหลายๆ อย่างมากมาย

ทีนี้ นอกจากพระที่เป็นเจ้าอาวาสจะมีบทบาทเป็นผู้นำแล้ว ตามปกติเดิมเราก็มีผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์ด้วย ซึ่งเราไม่ควรละทิ้ง และคฤหัสถ์ปัจจุบันนี้ยิ่งสำคัญ เพราะว่าทางด้านพระภิกษุตอนนี้ง่อนแง่นอยู่ บวชกันไม่ค่อยอยู่หนักแน่นมั่นคงเท่าไร

ในชนบทมีพระน้อยอย่างที่ว่าแล้ว สภาพเหล่านี้ ยิ่งเรียกร้องให้เราจะต้องสร้างผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์มาเป็นตัวประสาน และเป็นส่วนที่มาช่วยเสริมกำลังในยุคที่กำลังขาดแคลน อย่างโบราณเรามีมัคนายกอะไรต่างๆ เหล่านี้ มัคนายกนี่ก็ต้องฟื้น เพราะตอนนี้ก็อ่อนแอลงไปเหมือนกัน เนื่องจากไม่ได้รับการเอาใจใส่

ปัจจุบันนี้บางทีมัคนายกก็รู้เรื่องพระศาสนาดีกว่าพระ ซึ่งได้ยินมานานแล้ว แต่ที่ได้ยินกับตัวเอง คือตอนไปพักที่ภูเขา มีคนมาจากจังหวัดใดจำไม่ได้แล้ว แกเล่าสภาพพระที่วัดให้ฟัง ว่าที่วัดไม่มีพระอยู่นาน ต้องอาศัยพระพรรษาสองพรรษาเท่านั้นมาอยู่รักษาวัดกันไว้ เวลาทำพิธีกรรมในงานบุญกุศล ท่านก็ทำไม่ถูก ผมก็ต้องคอยแนะนำ เรียกง่ายๆ ว่าบอกบท

มัคนายกต้องคอยบอกบทให้พระ ว่าตอนนี้ทำอย่างนี้ ต่อไปทำอย่างนั้นๆ เห็นไหมว่าพระสูญเสียความเป็นผู้นำแล้ว แต่ก่อนนี้พระต้องคอยเป็นผู้บอกใช่ไหม ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ตอนนี้มัคนายกบอก แม้แต่พิธีกรรมพื้นๆ ยังไม่รู้เรื่องเลย

มัคนายกนี่ก็สำคัญ เราจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ จะต้องมีผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์ นอกจากนั้นเราจะเห็นว่า ผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์มีทั้งชายทั้งหญิง

ฝ่ายหญิงมีความสำคัญมากในการอุปถัมภ์และทำกิจกรรมในวัด อาจจะเป็นบทบาทอะไรก็แล้วแต่ เวลามีงานวัดทีโยมผู้หญิงเป็นกำลังใหญ่ทีเดียว เราควรถือโอกาสจัดปรับให้เข้ากับสภาพปัจจุบัน

รวมความว่าสาระสำคัญคือ ให้มีผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์ที่มาประสานกับฝ่ายพระ และข้อสำคัญผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์เขาไม่ได้นำอยู่แค่ที่วัดในพิธีเท่านั้น แต่เขามีความสำคัญเป็นที่นับถือของคนในหมู่บ้านด้วย

ถ้าทำได้อย่างนี้จริง ก็จะมีความหมายขึ้นมา จะช่วยให้ตัวบุคคล ไปช่วยยกสถานะของเรื่องทางหลักธรรมคำสอนขึ้นมาด้วย อันนี้เกี่ยวกับเรื่องของกระแสสังคม เรื่องของค่านิยม เรื่องของภาพที่ปรากฏ เช่นอย่างคนที่มีชื่อเสียง มีเกียรติในสังคมหรือในชุมชนนั้น ถ้าเขาเป็นผู้ที่สนใจใฝ่ธรรมะแล้ว ธรรมะหรือเรื่องพระศาสนาก็จะมีสถานะมีคุณค่ามีความสำคัญขึ้นมาด้วย

แต่ถ้าธรรมะไปอยู่กับคนที่ไม่มีค่า คนก็มองพระศาสนาเป็นเรื่องตกต่ำไปด้วย เลยกลายเป็นของไม่มีค่าหรือเป็นอะไรไปเลย

เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เราจะต้องฟื้นผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์ขึ้นมา ให้มาประสานกับฝ่ายพระ แล้วผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์ก็จะมาเป็นตัวที่ช่วยกระตุ้นฝ่ายพระเองด้วย เพราะว่าตอนนี้เรากำลังขาดคุณภาพอย่างที่ว่า การหนุนด้านคฤหัสถ์จะทำให้ฝ่ายพระมีโอกาสฟื้นได้ดียิ่งขึ้น ฝ่ายคฤหัสถ์จะหนุนได้หลายเรื่องทีเดียว

เวลาทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปในชนบท อย่างจะไปจัดเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาอบรมอะไรต่างๆ ญาติโยมจะมาช่วยเป็นกำลังในการเตรียมการอะไรต่างๆ ฉะนั้นเราก็ให้เข้ากระบวนไปด้วยกัน ทั้งพุทธบริษัทฝ่ายคฤหัสถ์และฝ่ายบรรพชิต ตอนนี้บางทีเรามองข้ามจุดนี้ไป

พล.ต.ท.อุดม เจริญ: กราบนมัสการนะครับว่า ความจริงในโอกาสต่อไป เมื่อมีสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดแล้ว ก็อาจมีต่อไปคือสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำอำเภอ และตำบล ลักษณะที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้พูดเมื่อสักครู่ ก็จะเป็นจริงเป็นจังมากขึ้นในทางปฏิบัติ

ปัญหาในขณะนี้ก็คือ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเกิดขึ้นมาเพียงแค่ไม่ถึงปี เรื่องเหล่านี้งานประจำจังหวัดเราก็ฝากไว้กับกระทรวงวัฒนธรรม ไปอยู่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ฉะนั้นการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพจริงๆ ตามที่เราใฝ่ฝัน คงต้องใช้เวลา

ถ้าหากว่าการเคลื่อนไหวมีลักษณะการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เน้นที่ตัวบุคคล เพราะพูดถึงคนกับระบบ ในประเทศเราในสังคมของเรา คนสำคัญกว่าระบบ จนกว่าคนจะสร้างระบบขึ้นชัดเจน แล้วคนของเรามีความรับผิดชอบ อย่างเช่นสังคมตะวันตกที่เป็นส่วนหนึ่งที่เราเห็นชัดเจน ตรงนั้นจึงค่อยว่าไป

ตรงนี้ ก็คือประเด็นที่กระผมจะกราบนมัสการว่า เราจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรก่อน เพื่อจะนำไปสู่จุดนั้น

การแก้ปัญหานี้เป็น ๒ ลักษณะใหญ่ๆ

ลักษณะแรก ก็คือเราจะตั้งศูนย์กลางขึ้น ให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้ ๒ ฝ่าย นั่นก็คือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะต้องปรับองค์กรตรงนี้ ที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในลักษณะวิกฤตให้ได้ แล้วก็พยายามสวนลงไปในจุดที่สำคัญ แล้วก็ลองพิจารณาตรงนั้นด้วยความมีสติสัมปชัญญะ ว่าจะทำอะไร ได้แค่ไหน เพียงไร ให้มากที่สุด นั้นคือประเด็นที่หนึ่ง

ลักษณะที่สอง ในการแก้ไขก็คือ การที่เราจะมาดำเนินการในเรื่องแรกนั้นคือ เรื่องการศึกษา เผยแผ่ แล้วนำสู่การปฏิบัติ ถ้าเราทำตรงนี้ได้ ซึ่งมีมากมายหลายเรื่องที่จะต้องพูดถึงวิธีการ จะต้องเป็นกุศโลบายสลับซับซ้อนมาก

ถ้าเราทำตรงนี้ได้ ก็เท่ากับมาเสริมในเรื่องวัดต่างๆ ที่จะต้องปรับต้องพัฒนา มิฉะนั้นญาติโยมไม่เข้า ยกตัวอย่างเช่นกรณีตำรวจ ปรากฎว่า พระพยอมท่านบอกเลยว่า โยม พระทั้งหลายนึกไม่ถึงว่าตำรวจเข้าวัด เหมือนอย่างน้ำไหลออกมา คิดว่าเทมาแก้วเดียวแล้ว จะจบ นี่เทมาหลายแก้วยังไม่รู้จักจบเสียที พระก็ต้องปรับขึ้นมา

ตรงจุดนี้แหละครับ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การพัฒนาระบบวัด พัฒนาพระภิกษุก็จะเริ่มขึ้น เพราะว่าพระอาจารย์ทั้งหลาย พระภิกษุก็อยากที่จะให้ญาติโยมเข้ามาปฏิบัติเยอะๆ มีอะไรขึ้นมา จะได้ไม่เป็นวัดร้าง ไม่เหงา

แต่ถ้าจะทำอย่างนั้นก็ต้องเน้นพุทธศาสตร์ เพราะชัดเจนแล้วว่าไสยศาสตร์เราไม่เอา นอกจากเราไม่เอาแล้ว ยังจะต้องประกาศประชาสัมพันธ์กันด้วยว่า อย่างนี้ไม่ใช่พระพุทธศาสนา อย่างนี้เป็น อย่างนี้ไม่เป็น ซึ่งตรงจุดนั้นการประชาสัมพันธ์อย่างที่กระผมได้กราบนมัสการไว้แล้วนะครับ จะเห็นชัดเจนเมื่อดำเนินการไปตั้งแต่เดือนตุลาคมครับ

อันนี้ก็เลยขอกราบนมัสการเสริมรับทราบว่ามันมีแง่คิดอย่างนี้ แล้วก็มีปัญหาตรงสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดอย่างนี้ การแก้ปัญหาตรงนี้ก็มีเรื่องงบประมาณ เรื่องอะไรต่างๆ แต่กระผมจะรับคำแนะนำที่บอกว่า ถ้าแก้ตรงนี้ได้ งบประมาณหลั่งมาเอง ซึ่งก็คงจะต้องมีวิธีการหลายวิธี

กระผมอยากจะยืนยันให้ชัดเจนในทางปฏิบัติเลยนะครับว่า ขณะนี้บรรดาพุทธศาสนิกชน แล้วก็บรรดาญาติโยมอุบาสกอุบาสิกากำลังดีใจ แล้วก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในทุกรูปแบบ ขอแต่เพียงว่าให้ข้าราชการที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญที่จะไปสนองงานคณะสงฆ์ และไปประสานงานกับรัฐบาล ให้ทำงานเถอะ แม้แต่ดาวกับเดือนยังหาให้ได้

เพราะฉะนั้นกระผมได้พบการสนับสนุนตรงนี้ จากบรรดาญาติโยมมากมายเลยนะครับ อันนี้ก็เลยขอกราบนมัสการว่า แต่เดิมกระผมแทบจะหมดความหวัง แต่ว่าบัดนี้พอจะเห็นได้เลือนลาง ซึ่งทั้งหมดจะได้รับแค่ไหนเพียงใดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพุทธบริษัทที่พระพุทธองค์ได้ทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้ กระผมดูแล้วยังไปได้ เพียงแต่เราปรับจากรูปแบบมาสู่เนื้อหาให้ชัดเจน

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< ของดีที่มีสืบมา ทำท่าจะกลายเป็นของเสีย ต้องรีบจัดการใช้ให้เป็นประโยชน์ทำพุทธคติแห่งโลกานุกัมปตาให้เป็นจริง โดยให้พระทำงานตามบทบาทที่แท้ >>

No Comments

Comments are closed.