เรื่องพุทธมณฑลจะจัดการอย่างไร ต้องใช้ปัญญาว่าให้ชัด แต่ไม่ใช่เป็นที่มาอวดความใจกว้างบนฐานแห่งโมหะ

3 กันยายน 2546
เป็นตอนที่ 14 จาก 15 ตอนของ

เรื่องพุทธมณฑลจะจัดการอย่างไร ต้องใช้ปัญญาว่าให้ชัด
แต่ไม่ใช่เป็นที่มาอวดความใจกว้างบนฐานแห่งโมหะ

พล.ต.ท.อุดม เจริญ: ขอกราบนมัสการถาม พุทธมณฑลที่อยู่ใกล้นี้นะครับ ท่านเจ้าคุณอาจารย์มีคำแนะนำอะไรบ้าง ที่จะให้กระผมรับไปปฏิบัติในโอกาสต่อไป ในการที่จะเสริมให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะได้จัดตั้งที่พุทธมณฑลต่อไป

พระธรรมปิฎก: เรื่องพุทธมณฑล อาตมภาพไม่ได้มีความคิดอะไรมากหรอก มองในแง่ที่หนึ่ง ก็เป็นที่ร่มรื่น ซึ่งเข้ากับหลักพระศาสนา เพราะว่าพระพุทธศาสนาเราเน้นเรื่องธรรมชาติ เรื่องของความร่มรื่น ให้มีสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติอย่างที่ว่า

ฉะนั้นพุทธมณฑลในแง่นี้ก็เข้าแนวทาง แต่ในแง่ของประโยชน์อย่างอื่น อย่างที่บางทีเอกสารของทางราชการออกมา คล้ายๆ ทำนองว่า จะให้พุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดให้ชัด

ที่ผ่านมาเราคิดในแนวนี้จริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงพูดไว้เฉยๆ ว่า ตั้งพุทธมณฑลขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา แล้วเราได้ดำเนินการเพื่อให้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องอยู่ที่ว่า จะมีนโยบายในเรื่องนี้อย่างไร จะยึดถือหลักที่เคยประกาศไว้หรือไม่

ถ้าเราตกลงจะให้พุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ก็เป็นจุดเริ่มที่จะต้องไปคิดว่า เราจะทำอย่างไรให้เกิดสภาวะเช่นนี้ขึ้นมาได้

อันนี้เป็นสิ่งที่เคยพูดกันไว้เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าเราไม่เห็นด้วย เราก็อาจจะไม่เอาด้วย และกลายเป็นว่าที่พูดมาก่อนนี้เป็นเพียงถ้อยคำไพเราะ แต่ไม่มีผลในทางความเป็นจริง แทนที่จะไปพูดอย่างนั้น ก็ต้องเลิกพูด

ทีนี้ถ้าตกลงเอาว่า เราจะวางนโยบายอย่างนี้สำหรับพุทธมณฑล ที่ว่าจะให้เป็นศูนย์กลางของกิจการพระพุทธศาสนา ก็เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับเรื่องอื่นที่เคยพูดกันมา

แต่ลักษณะที่แน่นอนก็คือว่า ตัวสถานที่มันได้อยู่แล้ว เป็นที่ช่วยประชาชนมาก ได้แก่ความร่มรื่น ประชาชนมาอาศัยพุทธมณฑลกันเยอะ เพื่อช่วยจิตใจให้มีความสบายมีความสงบ อันนี้เราก็คงจะต้องส่งเสริมกันต่อไป

ในส่วนอื่นก็เคยพูดกันไปถึงว่า ในการเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนานั้น มีจุดหนึ่งที่เน้นคือ เป็นศูนย์กลางหรือเป็นแหล่งสำคัญทางการศึกษาด้วย อันนี้ก็ต้องมาทบทวนว่าเราจะเอาหรือเปล่า เพราะในแง่นี้ได้เกิดมีปัญหากันมาหลายอย่าง เช่นว่าเมื่อตอนที่ตั้งมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลกขึ้น ก็พูดกันว่าจะเอาอย่างไร จะตั้งที่พุทธมณฑลหรือไม่ ซึ่งก็ยังไม่มีข้อยุติที่ว่าจะเอาอย่างไร อันนี้เป็นเรื่องของนโยบาย

เราอาจจะต้องยกเรื่องที่เคยพิจารณาในอดีตมาดู ว่าเขาเคยคิดกันอย่างไร จะเอาอย่างไร แล้วอันไหนควรจะสืบต่อ ควรจะทำขึ้นมาให้เป็นจริงเป็นจัง อันไหนควรจะเลิก อันนี้อาตมภาพคิดว่าสำคัญนะ คือเรื่องที่เป็นมาควรให้ชัดเสียก่อน

ทีนี้พอเราชัดกับเรื่องที่เป็นมา จนลงตัวตัดสินได้ว่าเอาหรือไม่เอาอย่างไรแล้ว เราก็เดินหน้าละทีนี้ แม้แต่จะมีนโยบายใหม่ ว่าถ้าไม่เอาอย่างนั้นแล้วจะให้เป็นอย่างไร

แต่ตอนนี้เหมือนกับว่า เรื่องพุทธมณฑลที่เป็นมาก็ยังไม่ชัด แม้แต่สิ่งที่พูดไว้เหมือนประกาศเป็นทางการก็พูดกันไปอย่างนั้นๆ เอง

ถ้าเป็นศูนย์กลางการศึกษา ก็หมายถึงเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนานานาชาติด้วย เพราะว่าถ้าโยงไปหามหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลก ก็หมายถึงระหว่างชาติแล้ว

ในแง่หนึ่งเราก็ยังมีความคิดกันอยู่ด้วยว่า ในเวลานี้ถึงอย่างไรประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศที่เรียกว่า พระพุทธศาสนาเจริญมั่นคงที่สุด แม้ว่าบางครั้งมันจะเป็นความภูมิใจที่หลอกตัวเองไปบ้าง แต่ก็มีลักษณะอย่างน้อยในทางรูปธรรมที่เอื้อ

ทีนี้เมื่อมีลักษณะในทางรูปธรรมแล้วเราก็ต้องมาใส่เนื้อให้มันเป็นจริง คือทำอย่างไรให้รูปร่าง รูปแบบ ที่มันดูเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนานั้น จะเป็นแหล่งใหญ่ศูนย์กลางจริงๆ โดยเนื้อหาด้วย นี้ก็คือต้องฟื้นตัวจริงของพระพุทธศาสนาขึ้นมา

อันนี้อาตมภาพก็ว่า เป็นงานใหญ่มาก ถ้าจะเอาพุทธมณฑลให้มาถึงขั้นนี้ แล้วมันจะเชื่อมโยงกับงานส่วนอื่นด้วย

พล.ต.ท.อุดม เจริญ: ขอกราบนมัสการนะครับ ตอนนี้ก็มีประเด็นอยู่หลายประเด็น เช่นที่ตั้งของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะเอาอย่างไร จะอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือจะอยู่ที่พุทธมณฑล

พุทธมณฑลนั้นไกล ญาติโยมมาติดต่อก็ลำบาก ก็คงต้องหาข้อยุติ เพราะเรื่องย้ายต้องย้ายแน่ แล้วขณะนี้กรมการศาสนาซึ่งเคยอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ ก็ย้ายมาอยู่ที่สะพานพระปิ่นกล้าฯชั้นห้าแล้ว

กรมการศาสนาเก่าอยู่ที่ในกระทรวงศึกษาธิการ ขณะนี้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ก็มีการแยกตัวกรมการศาสนาออกมาเป็นสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แบ่งเป็น ๒ ส่วน

กรมการศาสนาก็ขึ้นอยู่กับกระทรวงวัฒนธรรม ขณะนี้กรมการศาสนาเขาย้ายมาอยู่ตรงตึกมหาวิทยาลัยมหิดล สะพานพระปิ่นเกล้า ส่วนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็อยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ ก็ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

ปัญหาคือจะย้ายไปอยู่ที่ใด ในกรุงเทพฯหรือข้างนอก ก็ยังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน ก็ต้องไปหาข้อยุติกัน มีเสียงบอกว่า ที่พุทธมณฑลไกล แล้วปัญหาก็อย่างที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า ต้องให้ชัดเจน กระผมมองดูว่าจะชัดเจนอย่างไรก็แล้วแต่ สังคมไทยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา

เว้นแต่ถ้าเราวางรากฐานเกี่ยวกับตัวบุคคลให้มีมาตรฐานจริงๆ โดยมีคณะกรรมการการคัดสรรในหลักการให้ถูกต้องชัดเจนจริงๆ อันนี้ก็จะนำไปสู่ลักษณะของการพัฒนา

มีประเด็นอยู่ประเด็นหนึ่ง มีเสียงพูดกันมากก่อนหน้านี้ว่า ควรจะทำพุทธมณฑลให้เป็นที่รวมของศาสนาต่างๆ

พระธรรมปิฎก: อันนี้เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น “พุทธมณฑล”

พล.ต.ท.อุดม เจริญ: กระผมจะต้องให้ชัดเจนในประเด็นนี้ ซึ่งกระผมก็เห็นอย่างที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้กล่าวไว้นะครับ คือจะต้องเฉพาะพระพุทธศาสนา

พระธรรมปิฎก: คือคนเดี๋ยวนี้ไม่รู้ความหมายของคำว่า “ใจกว้าง” ไม่รู้เรื่องเลยว่าใจกว้างคืออะไร ก็เปะปะ เละเทะไปหมด

ความใจกว้างคือการยอมรับความจริง ไม่เอาแต่ใจของตัว ไม่เอาแต่จะให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง แต่ต้องสามารถยอมรับความจริงความถูกต้องได้ จึงจะเรียกว่าใจกว้าง

ไม่ใช่ว่าเขาทำอย่างนั้น ก็เออ ฉันใจกว้างยอมรับได้ เขาทำชั่ว ฉันก็ใจกว้างยอมรับได้ เขาทำดี ฉันก็ใจกว้าง ยอมรับได้ ใจกว้างแบบนี้ใช้ไม่ได้

ใจกว้างที่แท้คือสามารถยอมรับความจริง เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ ไม่ตรงกับที่ตัวต้องการ คนใจแคบจะรับไม่ได้

พุทธมณฑลสร้างขึ้นเพื่ออะไร ชื่อว่าอะไร วัตถุประสงค์ความมุ่งหมายคืออะไร ก็ว่าไปตามนั้น มันไม่ได้มีเรื่องอื่นที่จะมาใจกว้าง มาวินิจฉัยอะไรอีก การทำใจกว้างแบบที่ว่าเมื่อกี้นั้น กลายเป็นภาวะไร้หลัก กลายเป็นว่า คนใจกว้างคือคนหลักลอย

คนหลักลอย ไม่มีหลัก ก็ใจกว้างซิ ใครมาอย่างไรก็รับได้หมด ก็มันไม่รู้ว่าอะไรถูกผิด เพราะฉะนั้นใจกว้างแบบนี้คือคนไม่ได้เรื่อง

เวลานี้คนไทยเริ่มใจกว้างแบบนี้ คือแบบไม่รู้เรื่อง ก็ไปไม่รอด เพราะไม่มีความรู้ ขาดปัญญา สังคมไทยอย่างนี้จะแย่นะ เป็นสังคมที่ไม่มีหลัก หรือเป็นสังคมหลักลอย

เพราะฉะนั้น จะต้องชัดว่า ความใจกว้างอยู่ที่ความสามารถยอมรับความจริง อันนี้เราต้องชัดว่าเราจะทำอะไรเพื่ออะไร แล้วเขาเอาศาสนาต่างๆ มาปนเปกัน ก็พร่ากันไปหมด จนทำอะไรไม่ได้ ประเทศชาติก็เสีย

เราต้องการให้พุทธศาสนาเกิดประโยชน์แก่สังคมไทย เราจึงตั้งพุทธมณฑลขึ้นมา ทำอย่างไรจะให้พระพุทธศาสนานี้เกิดประโยชน์ได้ ก็คิดก็ทำกันไป ให้มันจริงจังชัดเจน

ตรงนี้สิเป็นสาระ ไม่ใช่ไปนึกแต่เพียงใจกว้าง แล้วก็ไม่ได้นึกถึงตัวเนื้อหาสาระที่จะต้องทำ ว่ามันอะไรกัน เลยไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร เสียหายแก่ประเทศชาติ สังคมก็เลอะ เป็นสังคมหลักลอยอีก ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง ไม่มีเนื้อหาสาระ

ถ้าเข้าแนวนี้ต่อไปก็ไทยทั้งสังคมนี่แหละ นัวเนีย รับหมด ฝรั่งมา แขกมา จีนมา ก็ใจกว้าง ว่าตามเขาไป เลยไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าใจกว้างหรอก แต่เรียกว่าเป็นคนไม่มีหลัก ไม่ใช่คนใจกว้าง

ใจกว้างแบบนี้ ก็เหมือนไปบอกว่า ที่โบสถ์คริสต์ ที่มัสยิด ก็นิมนต์พระไปผูกสีมา เป็นที่ทำสังฆกรรมได้ด้วย แล้วจะให้ชาวคริสต์ ชาวมุสลิมเขาทำอย่างไร หรือบอกว่าจะให้กรมป่าไม้กับกรมประมงใจกว้าง เปิดสามัคคีกัน ให้เอาหน่วยงานในสองกรมนั้นมาแทรกปนกันไป อย่างนี้เรียกว่าใจกว้างหรือ

ความสามัคคีไม่ใช่การเอามาปนเปคลุกเคล้ากัน ซึ่งจะยิ่งทำให้ติดขัดสับสน แต่อยู่ที่การมีไมตรี และร่วมมือประสานกันให้ถูกจุดถูกที่

ความใจกว้างอย่างที่ว่านั้น ที่จริงไม่ใช่ใจกว้างหรอก แต่เป็นเรื่องของการมีปัญญาแคบ คือ อยากจะแสดงความใจกว้าง แต่เมื่อไม่มีปัญญารู้เรื่องทั่วตลอด ก็ปล่อยความใจกว้างที่สับสนออกมา อย่างนี้ไม่ใช่ใจกว้างจริง แต่กลายเป็นใจกว้างแบบแสดง ที่พวกชอบใช้คำฝรั่งเรียกว่า “โชว์ออฟฟ์” ไม่เป็นอินดิเคชั่นของปัญญา แต่มันอิมพลายอวิชชา

ใจกว้างก็อยู่ที่ยอมรับกันได้ ฟังกันได้ และถ้ากว้างจริงก็สามารถถกเถียงกันได้อย่างสุภาพเปิดใจ โดยไม่ต้องตีหัวกัน

เพราะฉะนั้น พุทธมณฑลนี้ เรื่องที่ต้องคิดต้องทำอยู่ที่ว่า จะทำอย่างไรให้กิจการพระพุทธศาสนาเกิดประโยชน์แก่สังคมได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิมที่ทำให้ตั้งขึ้นมา

ฉะนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องคิดว่า ทำอย่างไร เราจะให้พุทธมณฑลมีกิจการงานที่สนองวัตถุประสงค์ของพระพุทธศาสนา ในการทำให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนได้สำเร็จอย่างดีที่สุด อันนี้แหละคือ พุทธมณฑลที่แท้

ไม่ต้องไปมัวคิดอย่างโน้นอย่างนี้ คนที่ไปคิดใจกว้าง มัวไปรับโน่นรับนี่ ก็เลยไม่มีเวลาทำงาน ไม่มีเวลาคิดทำเรื่องที่เป็นสาระ ตอนนี้ชักจะใจกว้างกันแบบนี้ จนกระทั่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย คนไทยแย่นะ จะกลายเป็นโมหะไป

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< คนกับระบบ คนที่เข้าถึงระบบ คนประสานกันภายในระบบเอากำลังปัญญา อาศัยความสามัคคี มาบริหารกุศลเจตนา สู่ความสัมฤทธิ์แห่งประโยชน์สุขเพื่อปวงประชา >>

No Comments

Comments are closed.