…คนที่เข้าถึงความสุขในขั้นแห่งปัญญาแล้วนี้ จะมีความสุขทางจิตเข้ามาเป็นตัวเสริมให้สุขยิ่งขึ้น ถ้าเขาต้องการความสุขทางด้านประสาทสัมผัส ก็เอามาเป็นตัวเสริมได้อีก ไม่มีปัญหาเลย ฉะนั้นจึงต้องเข้าใจให้ถูกว่า พระพุทธเจ้าทรงต้องการให้เรากำจัดเชื้อความทุกข์ให้หมด ในทางพุทธศาสนาจึงเน้นถึงความหมดทุกข์ ไม่ได้เน้นถึงการแสวงหาความสุข เพราะว่าตัวความสุขนั้นๆ เราหาได้ด้วยวิธีการต่างๆ มากมายดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งเป็นตัวประกอบ ไม่ใช่ตัวแท้ของการแก้ปัญหาและไม่ใช่เป็นจุดหมายที่แท้จริง…
สารบัญ
- ยิ่งก้าวถึงสุข ยิ่งใกล้ถึงธรรม
 - ต้องการสุขแท้ แต่ยังทำไม่ถูกวิธี
 - ปรนเปรอประสาททั้งห้า เป็นวิธีหาความสุขพื้นฐาน
 - มนุษย์กับสัตว์อื่นหาสุขบำเรอประสาท เสมอเหมือนกัน แต่มนุษย์ก่อทุกข์ได้มหันต์ ยิ่งกว่าสัตว์เหล่าอื่น
 - ปรนเปรอเท่าไรไม่รู้จักพอ ความเบื่อรอตัดหน้าความอิ่ม
 - เอาสุขไปฝากไว้กับการบำเรอประสาท เลยต้องทุกข์ถนัด เมื่อประสาทนั้นไม่ประสิทธิ์
 - จะพึ่งพาวัตถุ หรือพึ่งพาคนอื่น ก็ไม่เป็นสุขโดยอิสระ
 - กล่อมประสาท กล่อมจิต เครื่องช่วยสำหรับผู้ไม่สามารถเป็นสุขด้วยตนเอง
 - รู้จักกล่อม แทนที่จะทำให้หลง กลับพาไปหาอิสรภาพ
 - สุขเพราะกล่อม ก็ใกล้กับสุขในความฝัน
 - จะอยู่ด้วยการกล่อม หรือด้วยการปลอบขวัญ ก็ยังไม่พ้นการต้องพึ่งพา
 - สุขเต็มอิ่มภายใน ด้วยลำพังจิตใจของตนเอง
 - สุขแท้ เมื่ออยู่กับความจริงโดยไม่มีทุกข์
 - มีสุขแท้ที่ไร้ทุกข์เป็นฐาน สุขอื่นทุกประการก็เต็มอิ่มจริง
 - สุขสามระดับ มากับหลักปฏิบัติสามขั้น
 - สุขแท้ อยู่ในวิถีแห่งอิสรภาพ
 - อิสรภาพ คือหลักประกันของความสุขที่แท้
 - ฝึกเว้นสุขแบบพึ่งพา เพื่อพัฒนาสุขที่เป็นอิสระ
 - เว้นสุขบำเรอประสาท คือหัดเป็นสุขอย่างอิสระ ไม่ใช่จะหาทุกข์มาทน
 - ศีลพุทธไม่ใช่ข้อห้าม แต่ตามจริงเป็นข้อหัด
 - เมื่อสุขแท้ ก็ถึงธรรม
 

No Comments
Comments are closed.