- เป็นมงคลแท้ เมื่อครบทั้งสอง
- แต่งงาน คือเริ่มชีวิตใหม่ เป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบครอบครัว
- รักแท้ดูที่ไหน และเป็นอย่างไร
- เมื่อเริ่มชีวิตคู่ ก็ได้กำลังเพิ่ม มาช่วยกันสร้างสรรค์
- ถ้าอยู่แค่สิทธิ ก็แห้งแล้ง จะสุขสดใส เมื่อรักแท้ด้วยน้ำใจ
- สิทธิมนุษยชนเป็นหลักประกันเบื้องต้น แต่ไม่พอที่จะให้บรรลุจุดหมายของมนุษย์
- ชีวิตสมรสเริ่มด้วยรัก แล้วเดินหน้ากว้างออกไป ไม่ใช่ถอยหลังลงมาทวงสิทธิกัน
- ถ้าก้าวหน้าไปในความรัก ชีวิตสมรสก็จะเป็นชีวิตแห่งการสร้างสรรค์
- ชีวิตคู่จะมั่นคง ต้องมีสัจจะเป็นฐาน
- ชีวิตจะก้าวไปในโลกได้ดี ต้องมีความสามารถปรับตัว และทำแบบฝึกหัดเป็น
- เข้มแข็งทนทาน จึงจะฝ่าฟันถึงความสำเร็จ
- เสียสละได้ มีน้ำใจต่อกัน ครอบครัวจึงจะสุขสันต์ยั่งยืน
- ครอบครัว คือชะตาของสังคม พ่อแม่ คือผู้สร้างอนาคตของโลก
- ชีวิตคือ การศึกษา มนุษย์ฝึกฝนพัฒนาจึงประเสริฐ
- ยิ่งฝึกตน คนก็ยิ่งประเสริฐ คนยิ่งประเสริฐ ก็ยิ่งสร้างสรรค์สิ่งดีเลิศ
- ช่วยกันปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้วิวาหมงคลให้เติบโตมั่นคง มีใบ ดอก และผลบริบูรณ์
ถ้าก้าวหน้าไปในความรัก
ชีวิตสมรสก็จะเป็นชีวิตแห่งการสร้างสรรค์
ที่ว่ามานี้ก็เป็นเรื่องของการที่จะดำเนินชีวิตให้เจริญงอกงาม โดยเฉพาะในชีวิตสมรส จะต้องมีความรักประเภทที่เราเรียกเป็นคุณธรรมคือเมตตา หรือความรักชนิดที่อยากให้เขาเป็นสุขนี้ มาเป็นหลักใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องพัฒนาไปสู่ความรักประเภทนี้ ให้มีความรักประเภทนี้เข้ามาเป็นส่วนร่วม หรือเป็นส่วนที่ให้เกิดดุลยภาพ แล้วก็ก้าวไปสู่การพัฒนาในคุณธรรมหรือความรักประเภทนี้ให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เพราะว่า เมื่อคนเรามีความรักต่อคนใกล้ชิดชนิดที่อยากให้เขาเป็นสุขแล้ว ต่อไปความรักอย่างนี้ก็สามารถพัฒนาขยายกว้างออกไปต่อเพื่อนมนุษย์อื่นๆ ด้วย คืออยากให้เพื่อนมนุษย์เป็นสุข แล้วก็สามารถทำเพื่อผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้น
คนเราไม่ควรติดอยู่แค่การทำเพื่อให้ตัวเองเป็นสุข แต่ควรคิดกว้างออกไปว่า ทำอย่างไรจะให้ผู้อื่นเป็นสุขได้ คนที่คิดด้วยความรักอย่างนี้ ก็จะกลายเป็นคนที่มีความสุขกว้างออกไปด้วย
ถ้าใครคิดแต่เพียงว่าจะทำให้ตัวเองเป็นสุข เขาก็จะได้แค่ว่าเมื่อตัวเองได้ตามต้องการก็มีความสุข ความสุขก็แคบจำกัดอยู่แค่นั้น เมื่อไรจะต้องทำเพื่อผู้อื่น หรือจะต้องให้อะไรออกไปจากตัว ก็จะเป็นการสูญเสีย และเป็นทุกข์
แต่คนที่แผ่ขยายความรักนี้กว้างออกไป อยากให้คนโน้นคนนี้เป็นสุข พอทำให้คนนั้นคนนี้เป็นสุข แม้แต่ให้แก่เขาที่ตามปกติเราเรียกว่าเป็นการสูญเสีย มันก็กลายเป็นการทำให้ตัวเองเป็นสุขไปด้วย
เพราะฉะนั้น ยิ่งความรักขยายกว้างออกไป ก็ยิ่งมีความสุขเพิ่มมากขึ้น ก็เลยกลายเป็นคนที่สุขได้ง่าย สุขได้มาก สุขได้กว้างขวางยิ่งขึ้น เป็นการพัฒนาความสุขของตัวเองไปด้วย
เป็นอันว่า เรื่องของชีวิตสมรสนี้ ต้องพัฒนาความรักให้มีครบทั้ง ๒ประเภท
ขอย้ำอีกครั้งว่า ความรักประเภทที่หนึ่งที่เป็นพื้นฐาน ก็คือความถูกใจพอใจ อยากได้เขามาเพื่อให้เราเป็นสุข
ส่วนความรักประเภทที่สองที่เป็นคุณธรรม คือความรักที่อยากให้เขาเป็นสุข อยากเห็นเขาเป็นสุข และอยากทำให้เขาเป็นสุข ซึ่งเราจะเห็นตัวอย่างจากคุณพ่อคุณแม่
ความรักประเภทนี้ เรียกว่าเป็นความรักแท้ ถ้าพัฒนาขยายออกไป ก็จะช่วยให้โลกนี้ร่มเย็นเป็นสุขยิ่งขึ้น ในชีวิตสมรส ความรักทั้งสองประเภทนี้จะต้องก้าวต่อกันมาให้พร้อม
การเข้าสู่ชีวิตสมรสนั้น ในความหมายหนึ่งก็คือ การที่จะฝึกหรือพัฒนาตัวเราให้ก้าวหน้าไปในความรักที่สูงขึ้นด้วย
เมื่อใดเราสามารถทำให้เกิดความรักที่เป็นคุณธรรมนี้ มันก็จะมาช่วยให้ชีวิตสมรสก้าวต่อไปสู่ความดีงามที่เป็นการสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น
การแต่งงานนี้มิใช่เป็นเพียงมามีชีวิตคู่ครองเท่านั้น แต่หมายถึงการได้มารวมกำลังกันในการทำการสร้างสรรค์
อะไรที่เป็นจุดหมายที่ดีงามของชีวิตของเรา ที่เราควรจะตั้งขึ้น แม้แต่เป็นการรวมกำลังกันทำเพื่อสังคม ตลอดจนเพื่อมนุษยชาติที่กว้างออกไป ตอนนี้เราก็มีกำลังเพิ่มขึ้นแล้ว
พร้อมกันนั้น ก็เป็นโอกาส หรือเป็นเวทีที่จะพัฒนาชีวิตของตัวเองด้วย เพราะการอยู่ร่วมกับผู้อื่นตั้งแต่สองคนขึ้นไปนั้น จะต้องฝึกต้องพัฒนาตัวเอง จึงจะอยู่กันได้ดี มีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย
No Comments
Comments are closed.