เสียสละได้ มีน้ำใจต่อกัน ครอบครัวจึงจะสุขสันต์ยั่งยืน

16 กุมภาพันธ์ 2544
เป็นตอนที่ 12 จาก 16 ตอนของ

เสียสละได้ มีน้ำใจต่อกัน
ครอบครัวจึงจะสุขสันต์ยั่งยืน

ข้อที่ ๔. “จาคะ” แปลว่า ความเสียสละ พูดในเชิงบวกว่า ความมีน้ำใจ

ถ้าพูดว่าเสียสละ จะให้ความรู้สึกเชิงลบ ซึ่งบางทีรู้สึกเหมือนว่าต้องเสีย แต่ถ้าพูดในทางบวกเป็นน้ำใจ ก็รื่นดีหน่อย

สำหรับคู่ครอง ธรรมข้อนี้เป็นอย่างไร ก็เช่นว่า พร้อมที่จะเสียสละความสุขของตนเพื่ออีกฝ่ายหนึ่งได้

อย่างบางทีฝ่ายหนึ่งมีธุระ มีเรื่องที่จะต้องขอให้เราช่วยเหลือ ถ้าเราตามใจตัวเอง จะเอาแต่ความสุขของตัว เราก็ไม่ร่วมมือ แต่ถ้าเรามีน้ำใจ เราก็พร้อมที่จะเสียสละความสุขของตัวเองออกไปช่วยเขา นี่ก็คล้ายกับอยากเห็นเขาเป็นสุขนั่นเอง

จาคะนี้ก็มากับความรักที่แท้นั่นแหละ ได้แก่ความรักที่อยากให้เขาเป็นสุข พอนึกว่าอยากให้เขาเป็นสุขก็ทำเพื่อเขาได้ เพราะอยากให้เขาเป็นสุข แต่ถ้ามีเพียงความรักแบบที่อยากให้ฉันเป็นสุข ฉันก็ไม่อยากทำให้คุณ ก็เสียสละไม่ได้ ก็คือไม่มีน้ำใจ

ถ้าเรามีน้ำใจ คือมีจาคะนี้เป็นหลักยืนอยู่ เมื่อเราอยากให้เขาเป็นสุข บางทีก็ทำให้ลืมที่จะคิดถึงความสุขของตัวเอง เพราะความสุขของตัวเองเหมือนกับว่าไปฝากไว้กับอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่ออยากให้เขาเป็นสุข เราก็ต้องรอว่าให้เขาเป็นสุขแล้วเราจึงจะเป็นสุขด้วย ก็ต้องไปทำให้เขาเป็นสุข แล้วเราจึงจะเป็นสุขด้วย แล้วก็พร้อมที่จะทำเพื่อเขา

บางทีเขาอาจจะเจ็บไข้ แม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ เราก็นอนเฝ้าดูแล ต้องยอมอดหลับอดนอน ก็เสียความสุขของเรา แต่ถ้าเราอยากให้เขาเป็นสุข เราก็ทำได้ เพราะเราอยากเห็นเขาเป็นสุข เพราะเราฝากความสุขไว้กับเขา รอให้เขาเป็นสุขเมื่อไร เราก็สุขด้วย

ข้อนี้เรียกว่าจาคะ คือความเสียสละ ได้แก่การที่ยอมเสียสละความสุขของตนเพื่ออีกฝ่ายหนึ่ง หรือเพื่อความสุขของเขา

คนที่คิดอย่างนี้ จะมีน้ำใจ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะมีความซาบซึ้ง แล้วก็จะทำให้เกิดความสดชื่น ไม่แห้งแล้ง ไม่มัวแย่งความสุขกัน เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่ามีน้ำใจ คือเมื่ออยากให้เขาเป็นสุข ก็ยอมทำเพื่อเขาได้

เหมือนพ่อแม่ที่เสียสละเพื่อลูก อย่างได้ขนมมา ลูกตอนเล็กๆ ขอเอาหมด แม่ก็ยอมอด เพราะอยากให้ลูกเป็นสุข ก็ยอมได้ ให้ลูกทั้งหมดเลย

ถ้าพ่อแม่ไม่มีความรักแบบที่ว่าอยากให้ลูกเป็นสุขนี้ พ่อแม่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ ก็ให้แค่ตามสิทธิของเขา เธอมีสิทธิเท่านี้ ฉันก็ทำให้แค่นี้นะ เกินสิทธิฉันไม่ให้ แกไปฟ้องเอา

ถ้าเอาตามสิทธิ ก็ต้องคอยจดกันละ ฝ่ายนั้นเขามีสิทธิแค่ไหน เรามีสิทธิแค่ไหน อย่าล้ำเส้นกันนะ ชีวิตอย่างนี้แย่

เพราะฉะนั้น อย่าเอาแค่นั้นเลย เราต้องมีเรื่องคุณธรรม มีเมตตา มีความรักความปรารถนาดีอย่างที่ว่าไปแล้วนั้น

คุณธรรม ๔ อย่างนี้ขอทวนอีกครั้ง คือ

๑. สัจจะ ความจริง จริงใจ ซื่อสัตย์ต่อกัน จริงวาจา จริงทำตามที่พูด

๒. ทมะ การรู้จักปรับตัวและปรับปรุงตน แล้วก็พัฒนา ทำให้เจริญก้าวหน้า ให้งอกงามยิ่งขึ้น

๓. ขันติ ความอดทน หมายถึงความเข้มแข็งทนทานที่จะรับสถานการณ์ต่างๆ และที่จะบุกฝ่าไปเพื่อความเจริญงอกงามให้ถึงจุดหมาย คือ คำนึงถึงจุดหมาย เรื่องจุกจิก ไม่ถือสาเก็บมาเป็นสาระ

ถ้าไม่มีขันติ ก็จะเที่ยวเก็บเรื่องเล็กเรื่องน้อยมาคิดวุ่นวายไปหมด แต่คนที่เขามีใจอยู่กับจุดหมาย เขาทำแต่เรื่องที่เกี่ยวกับจุดหมายนั้น อะไรไม่เกี่ยวกับจุดหมาย เป็นเรื่องจุกๆ จิกๆ เขาไม่ถือเป็นอารมณ์ ก็ทำงานได้สำเร็จ

๔. จาคะ ความมีน้ำใจ ยอมเสียสละความสุขของตนเองเพื่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ เริ่มจากคู่ครอง แล้วขยายออกไปจนกระทั่งมีน้ำใจเผื่อแผ่ ช่วยเหลือ บำเพ็ญประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ทั่วทั้งหมด

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< เข้มแข็งทนทาน จึงจะฝ่าฟันถึงความสำเร็จครอบครัว คือชะตาของสังคม พ่อแม่ คือผู้สร้างอนาคตของโลก >>

No Comments

Comments are closed.