เหนือการป้องกัน และแก้ปัญหา วิธีเยี่ยมยอดดีกว่า คือสยบปัญหาด้วยงานสร้างสรรค์

5 ตุลาคม 2544
เป็นตอนที่ 5 จาก 11 ตอนของ

เหนือการป้องกัน และแก้ปัญหา
วิธีเยี่ยมยอดดีกว่า คือสยบปัญหาด้วยงานสร้างสรรค์

ดังที่กล่าวแล้วว่า หลักเรื่องบุญนี้ โยงกับหลักเรื่องสงฆ์หรือสังฆะ คือเรื่องของส่วนรวม หรือชุมชน คือหมู่ชนที่จัดตั้งขึ้นมาอย่างมีระบบระเบียบ มีจุดมุ่งหมายเพื่อความดีงาม บุญจะดำเนินไปได้ด้วยดีและเจริญเฟื่องฟูในสังคมที่จัดตั้งวางไว้อย่างดีนี้

สังคมที่ดีมีหลักสำคัญพื้นฐาน คือความเป็นสงฆ์นั้นเกิดขึ้นได้ด้วยวินัย ถ้าไม่มีวินัยก็ไม่มีสังฆะ เพราะจะต้องมีการจัดตั้งวางระบบระเบียบ

วินัย คือการจัดระเบียบชุมชนหรือสังคมนั้น มีความหมายพื้นฐาน ๒ ด้าน

๑. ด้านลบ (ปิดช่อง) คือการจัดตั้งระบบระเบียบกติกาสังคม และมาตรการต่างๆ ที่เป็นเครื่องปิดกั้นมิให้มีช่องโหว่ ที่จะทำให้กิเลสและความชั่วร้ายกำเริบลุกลาม หมายความว่า อะไรที่จะเป็นช่องเปิดทางเปิดโอกาสให้ความชั่วขยายตัวแพร่กระจายมากขึ้น ก็ปิดกั้นเสีย เช่นพวกอบายมุข และอาชญากรรมต่างๆ

๒. ด้านบวก (เปิดโอกาส) คือการจัดสรร เอื้ออำนวยโอกาสให้คนทำความดี พัฒนาชีวิต พัฒนาสังคม ส่งเสริมการสร้างสรรค์ต่างๆ

วินัยด้านลบ นอกจากต้องปิดกั้นโอกาสที่จะเป็นช่องทางลุกลามของความชั่วร้ายเบียดเบียนกัน และความลุ่มหลงมัวเมาต่างๆ ไม่ให้มีอาชญากรรม ที่ละเมิดศีล ๕ และให้สังคมพ้นจากอบายมุขแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ทางธรรมเน้นด้วย คือ การรักษาความเป็นธรรม ไม่ให้มีอคติ คือการเสียความเป็นธรรมโดยมีความลำเอียงต่างๆ ทั้งลำเอียงเพราะชอบ ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียงเพราะหลงไม่รู้เรื่อง และลำเอียงเพราะกลัว

การรักษาความเป็นธรรม โดยมีความเสมอหน้าเสมอภาคนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเสียความเป็นธรรม สังคมก็จะรักษาระเบียบไว้ไม่ได้ เอกภาพและความมั่นคงก็จะต้องกลายเป็นความร้าวฉานและสั่นคลอน

วินัยด้านบวกก็เป็นเรื่องสำคัญมาก การจัดโอกาสสนับสนุนส่งเสริมให้คนทำความดีกันนี้จะต้องเน้นมาก เมื่อมีเรื่องดีๆ ที่คนมีใจรักอยากทำ และเราส่งเสริมให้โอกาสคนสร้างสรรค์ทำความดีนั้น เขาจะลืมทำความชั่วไปเอง

การแก้ปัญหามากมายนั้น แก้โดยไม่ต้องแก้ คือแก้โดยให้มีสิ่งดีที่จะทำ เมื่อมีสิ่งที่อยากทำขึ้นมา คนก็มายุ่งอยู่กับการทำการสร้างสรรค์ความดี สิ่งที่เลวร้ายอะไรก็ถูกลืมละเลิกและหมดไปเอง

อย่างเรื่องเด็กตีกันอะไรต่างๆ นี้ บางทีเป็นเพราะเขาว่าง ไม่รู้จะทำอะไร ไม่มีดีที่จะทำ เลยเอาเวลานั้นไปใช้ในทางชั่วร้ายเสียหาย มองกันไปมองกันมา ก็ขัดหูขัดตากัน เลยชกต่อยตีกัน แต่ถ้ามีอะไรที่จะต้องร่วมกันทำขึ้นมาแล้ว เขาก็จะเอาพลังมาทำงาน แล้วก็เกิดความรักความสามัคคี ความชั่วก็หายไปเอง

เหมือนเปลี่ยนคู่ต่อสู้จากคนด้วยกัน ให้เขามาสู้กับงาน หรือสู้กับปัญหาร่วมกัน

ฉะนั้นก็เลยกลายเป็นว่า ในการแก้ปัญหานั้น ต้องเน้นการแก้ปัญหาแบบไม่ต้องแก้ คือการแก้ปัญหาโดยให้มีสิ่งดีงามหรืองานสร้างสรรค์ที่จะต้องทำ แม้ว่าอาจจะยากสักหน่อยที่จะหาอะไรมาให้เขาทำที่เป็นสิ่งสร้างสรรค์

แม้แต่สังคมส่วนรวมก็เช่นเดียวกัน ถ้ามีอะไรซึ่งเป็นเรื่องดีงามสร้างสรรค์ที่จะทำขึ้นมาแล้ว คนก็จะห่างเหินจากความชั่วไปเอง

แต่ถ้ามัวปล่อยให้คนว่าง ไม่มีอะไรจะทำ เดี๋ยวก็ถูกล่อเร้าชักจูงไปในทางเสียหาย ความชั่วก็จะลุกลามระบาดไป

ฉะนั้น วินัยจึงมีทั้งด้านลบและด้านบวก ด้านลบก็ไว้ป้องกันคนที่มีนิสัยไม่ดี ไม่มีการฝึกอบรมเลย ซึ่งเป็นการจำเป็นที่จะต้องปิดช่องทำกรอบกัน ไม่ให้มีโอกาสทำการร้าย ปิดกั้นไว้ ไม่ให้มีช่องโหว่ให้เกิดการทำความชั่ว แต่จะต้องมาเน้นเรื่องการจัดสรรโอกาสที่จะทำความดี ทำให้วินัยนี้มีความหมายที่แท้จริง

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< สังคมจะอยู่ดีและก้าวไปได้ ต้องมีคำที่จะสื่อให้รวมใจ และมุ่งสู่จุดหมายจัดระเบียบสังคมได้ผลดี เมื่อมีการจัดสรรเศรษฐกิจไปด้วย >>

No Comments

Comments are closed.