คำนำ

20 เมษายน 2533
เป็นตอนที่ 3 จาก 3 ตอนของ

คำนำ

ในโอกาสที่มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคารอนุสรณ์สถานพระยาอนุมานฯ-พระสารประเสริฐ ณ เลขที่ ๒๐/๕ หมู่ ๔ ตำบลองครักษ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ในวันที่ ๒๐ เมษายน ศกนี้ มูลนิธิฯ เห็นควรตีพิมพ์หนังสือเล่มเล็กๆ ขึ้นเป็นที่ระลึก สำหรับแจกจ่ายและเป็นอภินันทนาการแก่ผู้ที่บริจาคเงินร่วมสมทบทุนและมีส่วนช่วยเหลือในการดำเนินงานก่อสร้างอนุสรณ์สถานฯ แห่งนี้ รวมทั้งเพื่อเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจโดยทั่วไป

มูลนิธิฯ มาดำริเห็นว่าในบรรดานักปราชญ์ร่วมสมัยที่เป็นนักคิดชั้นนำ และมีผลงานสำคัญในทางมุ่งสร้างเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมไทย ดูเหมือนพระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) จะได้รับการยกย่องให้อยู่ในสถานะดังกล่าวเกือบจะยิ่งกว่าท่านใดๆ โดยเห็นว่าธรรมกถาที่พระคุณท่านได้แสดงไว้ในคราวที่มูลนิธิฯ ร่วมกับหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและเอกชน จัดพิธีปิดงานฉลอง ๑๐๐ ปีพระยาอนุมานฯ สืบเนื่องกับงานฉลอง ๑๐๐ ปี พระสารประเสริฐ ณ หอศิลปแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๓๒ มีเนื้อหาอันควรแก่การสดับรับฟังเพื่อนำมาพิจารณาใคร่ครวญให้บังเกิดความงอกงามในทางสติปัญญาและเป็นสารัตถประโยชน์เกื้อกูลแก่สังคม จึงเป็นความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะนำมาตีพิมพ์ขึ้นในวาระดังกล่าว หากธรรมกถาชิ้นนี้มีขนาดไม่เพียงพอที่จะจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม จึงขอให้เพิ่มธรรมกถาที่พระคุณท่านได้เมตตาแสดงแก่พนักงานบริษัท ส่องศยาม จำกัด ในโอกาสที่หน่วยงานนั้นเปิดดำเนินธุรกิจทางหนังสือและสื่อทางปัญญาอย่างอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่สังคม ธรรมกถาชิ้นหลังนี้ แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับมูลนิธิฯ โดยตรง แต่เห็นว่ามีส่วนที่เป็นประเด็นสอดคล้องกับอุดมคติของท่านผู้เป็นเจ้าของนามแห่งมูลนิธิฯ ทั้งสอง ในเรื่องวัฒนธรรมแห่งการเผยแผ่และแสวงหาความรู้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับหนังสือหนังหา จึงนำมาตีพิมพ์ประกอบให้ได้ความสมบูรณ์ของเนื้อหาและมีรูปเล่มที่เหมาะสม

โดยที่อนุสรณ์สถานพระยาอนุมานฯ-พระสารประเสริฐแห่งนี้ ตั้งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายจะให้เป็นวัดอย่างใหม่ เป็นแหล่งค้นคว้าแสวงหาทางสติปัญญาและจิตวิญญาณ รวมทั้งเพื่อเป็นชุมชนที่สามารถพึ่งตนเองได้ในทางเศรษฐกิจ เปรียบด้วยเทียนเล่มน้อยที่ถูกจุดให้ส่องสว่างท่ามกลางยุคสมัยอันมืดทมึน จึงได้ตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า “ประทีปส่องสยาม” โดยเฉพาะท่านผู้เป็นเจ้าของนามมูลนิธิฯ และท่านผู้เป็นเจ้าของงานนิพนธ์เล่มนี้ ต่างก็เปรียบได้ด้วยดวงประทีปที่ส่องสาดรัศมีแห่งวัฒนธรรมความรู้ไปทั่วทั้งสังคมสยามเช่นกัน

มูลนิธิฯ ขอกราบขอบพระคุณพระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ที่อนุญาตให้นำธรรมกถาทั้งสองนี้มาตีพิมพ์เป็นที่ระลึก และขอขอบคุณท่านที่มีส่วนช่วยเหลือในการดำเนินงานก่อสร้างอนุสรณ์สถานฯ มาด้วยดี

ส. ศิวรักษ์
ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินงาน

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< (ธรรมกถา 2: งานทำบุญเปิดบริษัท ส่องสยาม จำกัด)

No Comments

Comments are closed.