ร่าเริงสดใส สู่ความเกษมศานต์ ทำใจให้ร่าเริงสดใสทุกเวลา ไม่นานนี้ มีพระใหม่ขอให้บอกวิธีไปสู่นิพพานในชาตินี้ ที่เข้าใจง่าย ก็ได้อธิบายหลักอย่างง่ายๆ ให้ท่านฟังบ้าง แต่หลักอย่างง่ายนั้นก็ยังเข้าใจได้ไม่ง…
ถ้าปฏิบัติธรรมถูกทาง ต้องได้ปราโมทย์ พระพุทธเจ้าตรัสถึงปราโมทย์นี้บ่อยมาก เราตั้งเป็นจุดกำหนดได้เลยว่า เมื่อใดพระพุทธเจ้าตรัสแสดงความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมมาตามลำดับ พอการปฏิบัตินั้นเข้าทางถูกต้องดี…
ทำห้าข้อนี้ได้ จิตใจจะดีจริงๆ เมื่อกี้นี้ได้บอกว่า พอเราปฏิบัติธรรมถูกต้องได้ผล ปราโมทย์ก็จะเกิดขึ้นมาเป็นคุณภาพจิตใจข้อต้นของผู้เข้าทางแล้ว และทั้งเป็นจุดหัวต่อที่จะพัฒนาไปเป็นสมาธิ ทีนี้ก็ขยายความอี…
ต้องระวังไว้บ้าง ไม่ให้เขวผิดทางไปเสีย ขอแทรกความรู้ประกอบในตอนนี้หน่อยหนึ่งว่า ปีติและความสุข หรือแม้แต่ปราโมทย์ ที่พูดถึงกระจายอยู่ในที่ต่างๆ นั้น ไม่ใช่ว่าจะเป็นของดีที่จะมาเข้าลำดับในชุดอย่างนี้ได…
แทรกความรู้วิชาการ ขอเสริมอีกนิด เป็นความรู้เชิงวิชาการสักหน่อยว่า ปราโมทย์ กับ ปีติ สองอย่างนี้บางทีรู้สึกว่าคล้ายๆ หรือใกล้เคียงกัน ดูที่อรรถกถาอธิบายไว้ ส่วนมากบอกว่า ปราโมทย์ ก็คือ ปีติอย่างอ่อนๆ …
ธรรมชาติของจิตเองนั้นเปล่งปลั่ง ทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นย้ำบ่อยมาก ให้เรามีจิตใจและทำจิตใจให้ปราโมทย์ คือให้ร่าเริงเบิกบานสดชื่นแจ่มใส มองดูง่ายๆ จิตใจที่มีปราโมทย์อย่างที่ว่านี้ ก็คือตรงข้ามกับจิตใจ…
ประภัสสร สะท้อนสู่ ปราโมทย์ พูดได้ว่า ปราโมทย์นี้แหละเป็นอาการแสดงออกของจิตใจในภาวะที่ใกล้กับธรรมชาติของมันเอง บอกแล้วว่า สภาวะของจิตตามธรรมชาติของมันเองเป็น “ประภัสสร” คือ เปล่งปลั่ง เจิดจ้า บริสุทธิ…
ผู้ที่เบิกบานสดใส จะถึงความเกษมศานต์ ถึงตอนนี้ แม้จะพอแล้ว แต่ขอแถมพระพุทธดำรัสที่ตรัสสอนพระสงฆ์ไว้ สำหรับศึกษาเป็นคติในการพัฒนาชีวิตต่อไป พระองค์ตรัสเป็นคาถา แปลมาพอให้ฟังกันได้ความ ดังนี้ เธอทั้งหลา…