ความรุนแรง เกิดจากความอ่อนแอ
เมื่อเรารู้ว่าธรรมคืออะไร ความจริง ความถูกต้อง ความดีงาม ประโยชน์สุขที่แท้อันพึงมุ่งหมายเป็นอย่างไรแล้ว เราก็ตั้งหลักได้ คือมีหลักที่จะตั้งตัว หรือรู้ว่าจะตั้งตัวอยู่ที่ไหน และจะตั้งต้นไปอย่างไร
ถ้าไม่เข้มแข็ง ก็ยืนอยู่ในทางสายกลางไม่ไหว
แต่คนที่จะตั้งหลัก หรืออยู่กับหลักได้ จะไปในทางของตัวได้ ก็ต้องมีกำลัง ต้องเป็นคนเข้มแข็ง ถ้าเป็นคนอ่อนแอ ก็ยึดหลักไม่อยู่ เดินไปในทางที่ถูกไม่ได้ พอกระแสไหลมา ก็ถูกพัดพาไปเสีย ยิ่งในปัจจุบันนี้กระแสมันไหลแรงเหลือเกิน
เวลานี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าธรรมคืออะไร ความถูกต้องดีงามคืออะไร แต่หลายคนตั้งหลักไม่ได้เลย ไม่สามารถยืนอยู่กับหลักได้ เพราะโดนกระแสโลภ กระแสลาภ กระแสอะไรต่ออะไรพัดพาไป
เมื่อยึดธรรมไว้ไม่ได้ อยู่กับหลักไม่ไหว ก็เกิดอาการเบี่ยงเบนต่างๆ จึงเกิดปัญหาการเบียดเบียนแย่งชิงกันและกัน การทุจริต เรื่องอาชญากรรมทางกาม ความไม่ปกติทางเพศ เรื่องของความรุนแรงต่างๆ แม้แต่การรับน้องใหม่ในมหาวิทยาลัย ก็ยังมีเรื่องความรุนแรงแฝงซ่อน ที่ดังระเบิดออกมาข้างนอก
ความรุนแรง เกิดจากความอ่อนแอ
ความรุนแรงต่างๆ เหล่านี้ เกิดมาจากอะไร ตอบง่ายๆ ได้เลยว่า เกิดจากความอ่อนแอ
ความรุนแรงเกิดจากความอ่อนแอ เชื่อไหม? ลองไปคิดดู
อ่อนแออย่างไร? ก็เขายึดหลักไว้ไม่ได้ จับหลักเอาไว้ไม่อยู่ ตั้งหลักไม่ติด กระแสอะไรมา ก็ไหลไปด้วย
อย่างน้อยก็กระแสความชอบใจ-ไม่ชอบใจของตัวเอง แค่เกิดชอบใจ-ไม่ชอบใจขึ้นมา ก็ไปแล้ว ยืนหลักไม่อยู่ เหตุผลก็ไม่เอา คือไม่เอาหลัก ไม่เอาความถูกต้อง เอาแต่ที่ชอบใจ อย่างที่เรียกว่า เอาแต่ใจตัว
ทั้งที่เล่าเรียนเลยชั้น ม. ๖ ไปแล้ว อยู่มหาวิทยาลัยแล้ว พอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว รู้หลักความถูกต้องชอบธรรมพอสมควร แต่ยืนหลักไม่อยู่ เพราะไม่มีกำลังที่จะตั้งมั่นอยู่ในธรรม หรือที่จะยืนหยัดอยู่ในความดีงามถูกต้อง
นี่แสดงว่า ปัจจุบันนี้ สังคมเจอปัญหาหนักเพราะคนอ่อนแอกันมาก หรือเพราะความอ่อนแอแพร่ระบาดไปทั่ว
อ่อนแอ ก็คือขาดกำลัง คนขาดกำลังอะไร?
กำลังมี ๒ อย่าง คือ กำลังนอก กับกำลังใน ปัจจุบันนี้ คนขาดทั้งกำลังนอกและกำลังใน หรือว่ากำลังเหล่านี้ได้ลดถอยลงมากจนถึงขั้นน่าเป็นห่วง
ถ้าอ่อนแอ ก็จะถูกกระแสพัดพา
เราจะต้องมาทำความเข้าใจ และสร้างกำลังขึ้นมาให้ได้ ถ้าเด็กและเยาวชนของเราเป็นคนเข้มแข็ง มีกำลังดีแล้ว ตัวเขาเองก็จะยืนตั้งหลักได้มั่น และสามารถเดินหน้าก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง ที่เรียกว่าทางสายกลางนี่แหละ แล้วจะพาสังคมตั้งแต่ครอบครัวของตน ตลอดจนประเทศชาติให้ร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรืองได้
แต่ถ้าเด็กและเยาวชนของเราอ่อนแอ ไม่มีกำลัง ก็จะถูกกระแสที่ท่วมท้นเข้ามา พัดพาไหลลอยไป
โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ ในขณะที่คนของเราเองอ่อนแอไม่มีกำลังที่จะตั้งหลักได้นี้ กำลังข้างนอกที่มาซัดพัดพาดึงออกไป ก็เพิ่มมากขึ้นๆ คือกระแสต่างๆ เช่น กระแสโลกาภิวัตน์ กระแส IT กระแสความรุนแรง กระแสบริโภคนิยม กระแสรวยลัด กระแสลาภลอย กระแสคอยโชค หรือกระแสคอยผลเบื้องบนบันดาล ฯลฯ
กระแสเหล่านี้ไหลแรงมาก เมื่อกำลังฝ่ายธรรมของตัว คือความเข้มแข็งที่จะยืนอยู่ได้ในความดีงามถูกต้อง ทั้งกำลังภายใน และกำลังภายนอก อ่อนแอ หรือไม่มีเลย ก็อยู่ไม่ไหว เลยไหลไปหมด
เด็กไทย เผชิญสภาพยุคสมัยที่ท้าทายความเข้มแข็ง
ในขณะที่กำลังฝ่ายนอกที่เป็นกระแสรุนแรงมาคอยพัดพาดึงเราออกไปนี้ เราก็เหมือนกับถูกท้าทาย จึงต้องการกำลังความเข้มแข็งมากเป็นพิเศษ เราจะต้องเข้มแข็ง สู้ให้ได้
จะต้องย้ำกันว่า เราอยู่ในยุคสมัยที่กระแสจากข้างนอกมีกำลังรุนแรงมาก เด็กไทยสมัยนี้ ถ้าจะเป็นผู้สร้างสรรค์ชีวิตและสังคมของตน จะต้องเก่ง ต้องมีความเข้มแข็งเป็นพิเศษ สามารถสู้กับกระแสเหล่านั้น ต้องพร้อมที่จะทวนกระแสได้
ถ้าเปรียบเป็นปลา ก็กำลังฝ่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ต้องเป็นปลาที่แข็งแรงจริงๆ จึงจะว่ายทวนกระแสได้ ถ้าอ่อนแอ ก็ว่ายไม่ไหว หรือเหมือนปลาตาย ที่ถูกกระแสน้ำพัดพาไป
No Comments
Comments are closed.