สุดท้ายก็มาลงที่หลักพื้นฐาน คืออามิสทานจากชาวบ้าน เพื่อให้พระสงฆ์มีกำลัง ที่จะอำนวยธรรมทานแก่ประชาชน

19 กรกฎาคม 2544
เป็นตอนที่ 10 จาก 24 ตอนของ

สุดท้ายก็มาลงที่หลักพื้นฐาน คืออามิสทานจากชาวบ้าน เพื่อให้พระสงฆ์มีกำลัง ที่จะอำนวยธรรมทานแก่ประชาชน

ขออนุโมทนาญาติโยมทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ที่มีน้ำใจ ทั้งด้านหนึ่งคือศรัทธาในพระรัตนตรัย และอีกด้านหนึ่งคือมีจิตเมตตา มีความปรารถนาดีต่อพระสงฆ์ แล้วสองอย่างนี้ก็มาประสานกัน จิตที่มีศรัทธาประกอบด้วยเมตตาปรารถนาดี ก็แสดงออกมาทาง กายกรรม และวจีกรรม

อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในหลักทิศ 5 ที่ว่า อุบาสก อุบาสิกา หรือกุลบุตรกุลธิดานี้ ตั้งจิตประกอบด้วยเมตตาต่อพระสงฆ์ จะคิดอะไรก็คิดด้วยเมตตา จะทำอะไรก็ทำด้วยเมตตา จะพูดอะไรก็พูดด้วยเมตตา

เมื่อมีเมตตาปรารถนาดี อยากจะให้พระสงฆ์มีกำลังในการปฏิบัติศาสนกิจ จึงมาอุปถัมภ์บำรุงโดยนำภัตตาหารมาถวาย เรียกกันว่า ทำบุญเลี้ยงพระ ให้พระสงฆ์มีกำลัง

พระสงฆ์จะได้ไม่ต้องมัวห่วงกังวลในด้านปัจจัยสี่ แล้วจะได้ตั้งหน้าตั้งตาอุทิศตัวอุทิศใจ อุทิศเวลา อุทิศเรี่ยวแรงกำลังให้กับการปฏิบัติศาสนกิจ โดยตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ประพฤติปฏิบัติเจริญไตรสิกขา แล้วนำธรรมมาเผยแผ่สั่งสอนแก่ประชาชน อย่างนี้ทุกอย่างก็จะดำเนินไปด้วยดี

เข้าหลักที่ว่า ญาติโยมถวายอามิสทาน และพระสงฆ์ก็ปฏิบัติหน้าที่อำนวยธรรมทานให้แก่ประชาชน ด้วยวิธีนี้พระศาสนาก็จะเจริญมั่นคงยั่งยืน และประโยชน์สุขก็จะเกิดขึ้นแก่สังคม ประเทศชาติและชาวโลกโดยทั่วไป

ในวาระนี้ ขออนุโมทนาอีกครั้งหนึ่ง และขอคุณพระรัตนตรัยอวยชัยให้พร อภิบาลรักษาให้ชาวธรรมะร่วมสมัยทุกท่าน พร้อมทั้งครอบครัวญาติมิตร และประชาชนคนไทย พร้อมทั้งชาวโลกทั้งมวล เจริญงอกงามด้วยจตุรพิธพรชัย มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญา และกำลังความสามัคคี ที่จะช่วยกันดำเนินชีวิตและกิจการทั้งหลายให้ก้าวหน้า บรรลุผลสำเร็จสมหมาย ยังประโยชน์สุขให้สำเร็จแก่ชีวิต แก่ครอบครัว และแก่ส่วนรวม ทั้งสังคม ประเทศชาติ และทั่วทั้งโลกสืบไป ตลอดกาลนาน

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< สังคมจะดี ประชาธิปไตยจะมีคุณค่า หนีไม่พ้นว่า ทุกคนต้องถือธรรมเป็นใหญ่– ๒ – ทัศนะของพระพุทธศาสนา ต่อสตรีและการบวชเป็นภิกษุณี >>

No Comments

Comments are closed.