เทคโนโลยี : ผู้นำความหวังอันอัศจรรย์

28 พฤษภาคม 2531
เป็นตอนที่ 4 จาก 15 ตอนของ

เทคโนโลยี : ผู้นำความหวังอันอัศจรรย์

ที่ว่ามานี้เป็นตัวอย่างของปัญหาที่พ่วงมากับความเจริญทางด้านเทคโนโลยี ผู้ที่ได้ฟังบางท่านก็อาจจะบอกว่า อาตมานี้พูดมาเสียยืดยาว แต่รู้สึกว่าจะมองเทคโนโลยีในแง่ร้ายสักหน่อย ความจริงเทคโนโลยีก็มีส่วนดีมากมาย ทำไมไม่พูด ฉะนั้น ในเมื่อพูดในแง่ร้ายมาสองเรื่อง ก็ควรจะต้องหยุดแง่ร้ายไว้บ้าง

ก็ยอมรับว่าเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ มีความดีมากมายเหลือเกิน อย่างที่เรามานั่งร่วมกิจกรรมกันสะดวกสบายอยู่ในปัจจุบันนี้ ก็เป็นเรื่องของการอาศัยเทคโนโลยีทั้งสิ้น ผู้พูดก็อาศัยไมโครโฟน มีเครื่องขยายเสียง ผู้ฟังก็นั่งอยู่ในห้องประชุมที่แสนสบาย มีเครื่องปรับอากาศให้มีความเย็น และมีระบบแสง ระบบเสียงที่ดี อะไรต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นเรื่องที่แสดงถึงคุณประโยชน์ของเทคโนโลยีทั้งนั้น และดังที่กล่าวแล้วว่า เทคโนโลยีนั้นเป็นเครื่องหมายของความเจริญของยุคปัจจุบัน

ความเจริญของยุคปัจจุบันนั้นมีมากมายเพียงไร ไม่จำเป็นจะต้องพรรณนากันยืดยาว แต่เขามักจะมองไปที่อนาคตว่า ต่อไปโลกของเรานี้จะมีเทคโนโลยีที่เจริญขึ้น แล้วก็จะมีความสะดวกสบาย มีความสมบูรณ์พูนสุขมากขึ้นอย่างไร ความฝันในทางเทคโนโลยีเหล่านี้ก็อิงอาศัยพัฒนาการด้านต่างๆ ของเทคโนโลยี โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ สาขาของเทคโนโลยีที่กำลังเจริญขึ้นใหม่นำหน้าก็มีสองสายที่สำคัญมาก คือ เทคโนโลยีทางชีววิทยา ที่เรียกว่า ไบโอเทคโนโลยี (biotechnology) และไมโครอีเลคโทรนิคส์ (micro-electronics) อย่างพวกคอมพิวเตอร์ก็จัดอยู่ในประเภทหลังนี้ สองด้านนี้กำลังเป็นความหวังใหม่ของมนุษย์ที่ว่าจะเจริญพรั่งพร้อมบริบูรณ์อย่างไร

ในด้าน ไบโอเทคโนโลยี นั้น เราจะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับความเจริญที่เรียกว่า พันธุวิศวกรรม หรือ เยนเนติค เอนจิเนียร์ริ่ง (genetic engineering) ซึ่งกำลังเจริญมากขึ้น และมีความหวังกันว่าความเจริญในด้านนี้จะแก้ปัญหาให้โลกมนุษย์ได้มากมายหลายอย่าง เช่น ในเรื่องอาหาร จะไม่มีความขาดแคลนในโลกนี้อีกต่อไป เพราะว่าด้วยพันธุวิศวกรรมศาสตร์นี้ ก็จะทำให้คนเราสามารถเพาะพืชพันธุ์ธัญญาหารแบบใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารชนิดพิเศษที่เราแน่ใจได้ว่า จะทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ เช่นว่า ที่ไหนแห้งแล้ง เราก็เพาะพืชชนิดที่เติบโตได้ในที่แห้งแล้งนั้นขึ้นมา ถ้าดินเค็มเราก็เพาะพืชชนิดที่เจริญเติบโตงอกงามในที่ดินเค็มนั้นขึ้นมาได้ และนอกจากจะมีความทนทานสูง สามารถงอกงามในที่แห้งแล้งหรือในดินและสภาพแวดล้อมที่ไม่เกื้อกูลได้แล้ว ก็ยังได้ผลผลิตมาก อีกทั้งเป็นพืชที่สามารถกำจัดโรคพืชได้เอง ต้านทานศัตรูพืชได้ สร้างปุ๋ยขึ้นมาได้ในตัวของมันเอง

ในด้านพลังงาน เรากำลังมีปัญหา พลังงานจะขาดแคลน แหล่งพลังงานบางอย่างเช่นน้ำมันจะหมดไปจากโลก พลังงานนิวเคลียร์ก็อย่างที่พูดเมื่อกี้ว่ามีปัญหา พลาดพลั้งขึ้นมาก็เกิดภัยอันตรายร้ายแรง ต่อไปพันธุวิศวกรรมนี้ก็อาจจะสร้างแบคทีเรียขึ้นมาชนิดหนึ่ง เป็นแบคทีเรียที่มีความสามารถเปลี่ยนแสงแดดเป็นพลังงาน โดยไม่ต้องใช้วิธีการแบบที่กำลังทำกันอยู่ แต่เป็นการก้าวไปสู่วิธีการทางชีววิทยา ใช้แบคทีเรียที่สร้างขึ้นใหม่มาผลิตพลังงาน แล้วก็จะหมดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องพลังงานกันเสียที

นอกจากนั้น ยังฝันใฝ่กันต่อไปว่าจะสร้างเมืองขึ้นในอวกาศ เมืองในอวกาศนี้จะสร้างบรรยากาศสภาพแวดล้อมได้ตามต้องการ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ถ้ามีสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่น่าพอใจ ก็กำจัดดัดแปลงแก้ไขได้ ทำการผลิตสิ่งต่างๆ ในอวกาศได้โดยสะดวกและได้ผลดียิ่งขึ้น เพราะการผลิตในอวกาศนี้จะไม่ถูกขัดขวางจากแรงดึงดูดของโลก ไม่มีความจำกัดของสถานที่ และสามารถทำอุณหภูมิให้สูงต่ำได้ตามความต้องการ

ในทะเลก็จะสร้างเมืองลอยน้ำขึ้นมา มีโรงงานลอยน้ำ ผลิตอาหารและยาจากสารในทะเล ตลอดจนสร้างเชื้อเพลิงอย่างใหม่ขึ้นมา เป็นอันว่าจะไม่มีทางขาดแคลนอาหารและพลังงาน

แม้แต่จะสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่ขึ้นมา ก็ทำได้ ให้เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษที่มีความเฉลียวฉลาด เรียกว่าเป็นซูเปอร์เรซ (superrace) ในการสงครามก็อาจจะสร้างพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาชนิดหนึ่ง ให้มีคุณสมบัติพิเศษสำหรับทำหน้าที่เป็นทหารโดยเฉพาะ

ในทางการแพทย์ก็จะมีธนาคารอวัยวะต่างๆ เป็นธนาคารตับ ธนาคารไต ธนาคารปอด ฯลฯ เป็นอะไหล่ไว้สำหรับกรณีที่เกิดปัญหาจะต้องเปลี่ยน เมื่อใครมีโรคภัยไข้เจ็บ หรือประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับอวัยวะเหล่านี้ ก็ผ่าตัดเปลี่ยนใหม่ได้ ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นความเจริญที่น่าฝันใฝ่เป็นอย่างมาก

อีกด้านหนึ่งที่สำคัญ ก็คือด้านคอมพิวเตอร์ ต่อไปคอมพิวเตอร์ก็จะมีใช้กันแพร่หลายมาก อย่างที่ฝรั่งบอกว่า ทุกบ้านจะต้องมีคอมพิวเตอร์เหมือนกับมีห้องส้วม หมายความว่า บ้านหนึ่งๆ มีห้องส้วมฉันใด ก็ต้องมีคอมพิวเตอร์ฉันนั้น อันนี้คงจะหมายถึงบ้านในประเทศอเมริกา สำหรับบ้านในประเทศไทยก็คงจะอีกนาน

การสื่อสารคมนาคมก็จะสะดวกมาก เราจะทำงานอยู่กับบ้านก็ได้ เพราะมีเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ก็ต่อกับสายโทรศัพท์แล้วทำงาน สั่งงานและส่งงานกันทางคอมพิวเตอร์ จะเรียนหนังสือก็เรียนที่บ้านได้ และก็จะมีคอมพิวเตอร์ชนิดที่พิเศษขึ้นไปอีก ทำงานมีประสิทธิภาพสูงอย่างยิ่ง เขาเรียกว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer)

พร้อมกันนั้น อีกด้านหนึ่งก็จะมีคอมพิวเตอร์รุ่นต่อไปที่เรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นที่ ๕ (fifth-generation computer) ซึ่งมีสมองเทียม มีสติปัญญาคล้ายมนุษย์ ที่เขาเรียกว่า artificial intelligence ซึ่งบางคนแปลว่า ปัญญาประดิษฐ์ คอมพิวเตอร์ชนิดนี้ สามารถรู้กลิ่นได้ อ่านหนังสือได้ ฟังคนพูดได้ และก็พูดได้อย่างคน ตลอดจนสามารถคิดเหตุผลได้ สามารถพิจารณาตัดสินปัญหาต่างๆ ได้ด้วย

ในการสื่อสาร ระบบโทรคมนาคมจะก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง เดี๋ยวนี้ดาวเทียมก็เชื่อมแทบทุกส่วนของโลกให้ถึงกันแล้ว ติดต่อกันได้ทันที โทรทัศน์และโทรศัพท์ที่มีอยู่แล้ว ก็พัฒนาให้ประณีตลึกล้ำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีเครื่องโทรสาร คนอยู่กันคนละทวีปก็ติดต่อกันได้ง่าย จะทำหนังสือสัญญาตกลงกันก็ใช้โทรสารเซ็นสัญญากันได้ ณ ที่ทำงาน ที่นั่น เดี๋ยวนั้น ไม่ต้องเสียเงินค่าเครื่องบินและเสียเวลาเดินทางไป

แม้แต่สายโทรศัพท์ โทรทัศน์ และการติดต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ ที่เคยต้องใช้สายลวดทองแดง ก็จะเปลี่ยนไปใช้เส้นใยนำแสงที่เรียกว่า อ๊อฟติคัลไฟเบอร์ (optical fiber) ซึ่งราคาถูกและเบามาก แต่นำข่าวสารได้ดีกว่า มากกว่า และแม้แต่จะมีฟ้าร้อง ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ก็จะไม่เข้าไปรบกวนระบบการสื่อสารนั้น

นอกจากนั้นก็มีเครื่องเลเซอร์ (laser) ซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ แล้วก็เจริญพัฒนาขึ้นมาเรื่อย นำมาใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางขึ้น ในการสื่อสารบ้าง การแพทย์บ้าง เช่น ในการแพทย์ก็ใช้ทำการผ่าตัดได้ละเอียดลออ สามารถผ่าตัดโดยไม่ต้องเสียเลือด หรือผ่าตัดสิ่งเล็กๆ ละเอียดอ่อน เช่น นัยน์ตา ในการอุตสาหกรรมก็นำเอาเครื่องเลเซอร์มาใช้ได้มาก

ยิ่งเอาเทคโนโลยีในแขนงต่างๆ ที่เจริญมากเหล่านี้ มาประสานกัน ก็ยิ่งทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้ามากมายยิ่งขึ้น เช่น ต่อไปนี้คนเรานั่งอยู่บ้านก็สามารถผลิตสินค้าที่โรงงานได้เอง เขาเรียกว่าเป็นระบบการผลิตโดยลูกค้า (custom production) ยกตัวอย่างว่า เราต้องการจะตัดเสื้อสักตัวหนึ่ง ก็อยู่ที่บ้านนั่นแหละ ต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านเข้ากับโทรศัพท์ แล้วก็ป้อนข้อมูล คือสเปค (spec หรือ specification) แบบของเสื้อที่เราต้องการสำหรับตัวเราเข้าไป เสร็จแล้วทางปลายสายอีกด้านหนึ่งที่โรงงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ทางด้านนั้นก็สั่งปืนเลเซอร์ที่ต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ตัดเสื้อให้ตามสเปคหรือตามแบบที่ต้องการของลูกค้า ทั้งที่ผลิตทีละหน่วย แต่ก็ผลิตได้รวดเร็วมาก ในยุคอุตสาหกรรมปัจจุบันนี้ที่ผลิตเสื้อผ้ากันทีละเป็นจำนวนมากๆ ก็ยังช้ากว่าทำทีละหน่วยด้วยเครื่องเลเซอร์ชนิดนี้

แม้แต่รถยนต์ก็เหมือนกัน เขาคาดหมายว่า ต่อไปลูกค้าจะสามารถผลิตรถยนต์ได้เองด้วยวิธีคล้ายๆ กันนี้ คือนั่งอยู่ที่บ้านแล้วป้อนสเปคที่ต้องการของรถยนต์ที่ตัวจะใช้เข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วที่ปลายด้านโน้น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่โรงงานก็จะดำเนินการสร้างรถยนต์ให้ตามที่เราต้องการ

นี้ก็เป็นเรื่องของความเจริญในทางเทคโนโลยีมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งผู้ที่อยู่ในวงการเทคโนโลยีอาจจะพูดได้มากมายกว่านี้ และที่พูดมานี้หลายอย่างก็เป็นจริงแล้ว หลายอย่างกำลังจะเป็นจริง บางอย่างก็จะเป็นจริงต่อไป แต่จะสำเร็จจริงหรือไม่ ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไร สิ่งสำคัญที่จะต้องเน้นในที่นี้ซึ่งสำคัญไม่น้อยกว่าตัวเทคโนโลยีเอง ก็คือ ท่าทีและการปฏิบัติต่อเทคโนโลยี

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< สัญญาณเตือนภัยจากเทคโนโลยีความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของวิทยาศาสตร์ >>

No Comments

Comments are closed.