คาถาพุทธภาษิต
(เรียงตามอักษรบาลี)
|
อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ (๑๔/๕๒๗) รีบทำความเพียรเสียแต่วันนี้ |
|
อตฺตนา โจทยตฺตานํ (๒๕/๓๕) จงเตือนตนด้วยตนเอง |
|
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ (๒๕/๒๒) มีตนที่ฝึกดีแล้วนั่นแหละ คือได้ที่พึ่งที่หาได้ยาก |
|
อตฺตา สุทนฺโต ปุริสสฺส โชติ (๑๕/๖๖๕) ตนที่ฝึกดีแล้ว เป็นเครื่องรุ่งเรืองของคน |
|
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา (๒๕/๑๖) บัณฑิตย่อมฝึกตน |
|
อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ (๒๕/๓๑๘) การงานไม่คั่งค้างสับสน เป็นมงคลอันสูงสุด |
|
อนิพฺพินฺทิยการิสฺส สมฺมทตฺโต วิปจฺจติ (๒๗/๒๔๔๔) ทำเรื่อยไป ไม่ท้อถอย ผลที่ประสงค์จะสำเร็จสมหมาย |
|
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ (๒๕/๑๒) ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย |
|
อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ (๑๐/๑๔๓) จงทำประโยชน์ให้สำเร็จ ด้วยความไม่ประมาท |
|
อปฺปมาโท อมตํ ปทํ (๒๕/๑๒) ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย |
|
อโมฆํ ทิวสํ กยิรา อปฺเปน พหุเกน วา (๒๖/๓๕๙) เวลาแต่ละวัน อย่าให้ผ่านไปเปล่า จะน้อยหรือมาก ก็ให้ได้อะไรบ้าง |
|
อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ (๑๔/๕๒๒) ขยันทั้งคืนวัน ไม่ซึมเซา นั้นแลเรียกว่า มีแต่ละวันนำโชค |
|
อาปูรติ ธีโร ปุญฺสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ (๒๕/๑๙) ธีรชนสร้างความดีทีละน้อย ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความดี |
|
อาโรคฺยปรมา ลาภา (๑๓/๒๘๗) ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ |
|
อาสึเสเถว ปุริโส (๒๘/๔๕๐) เป็นคนควรหวังเรื่อยไป |
|
กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ (๒๕/๑๔) เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง พึงสร้างความดีไว้ให้มาก |
|
กถมฺภูตสฺส เม รตฺตินฺทิวา (๒๔/๔๘) วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ |
|
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก (๑๓/๗๐๗) สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ (๑๓/๗๐๗) เป็นคนประเสริฐ เพราะการกระทำ |
|
โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ (๑๕/๑๙๙) ฆ่าความโกรธได้ ย่อมอยู่เป็นสุข |
|
ขโณ โว มา อุปจฺจคา (๒๕/๓๒๗) อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านเลยไปเสีย |
|
จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ (๒๕/๑๓) การฝึกจิต ให้เกิดผลดี |
|
จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ (๒๕/๑๓) จิตที่ฝึกแล้ว นำสุขมาให้ |
|
จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี (๒๕/๑๓) ผู้มีปัญญาพึงรักษาจิต |
|
ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ (๑๕/๒๘๑) ทำกรรมใดแล้ว ไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลดี |
|
ททมาโน ปิโย โหติ (๒๒/๓๕) ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก |
|
ทนฺโต เสฏฺโ มนุสฺเสสุ (๒๕/๓๓) ในหมู่มนุษย์ คนที่ฝึกแล้วประเสริฐสุด |
|
ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม (๑๕/๒๓๙) พึงบากบั่นทำการให้มั่นคง |
|
ทินฺนํ สุขผลํ โหติ (๑๕/๑๓๖) ของที่ให้แล้ว ชื่อว่าอำนวยสุขเป็นผลแล้ว |
|
เทวา น อิสฺสนฺติ ปุริสปรกฺกมสฺส (๒๗/๕๐๕) ความเพียรของคนไม่ลดละ ถึงเทวดาก็กีดกันไม่ได้ |
|
ธมฺมจารี สุขํ เสติ (๒๕/๒๓) ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุข |
|
ธมฺมปีติ สุขํ เสติ (๒๕/๑๖) ผู้อิ่มใจในธรรม ย่อมนอนเป็นสุข |
|
ธมฺเม ิโต ปรโลกํ น ภาเย (๑๕/๒๐๔) ตั้งอยู่ในธรรมแล้ว ไม่ต้องกลัวปรโลก |
|
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ (๒๖/๓๓๒) ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว นำมาซึ่งความสุข |
|
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ (๒๖/๓๓๒) ธรรมนั่นแหละ รักษาผู้ประพฤติธรรม |
|
ธีโร จ สุขสํวาโส (๒๕/๒๕) ปราชญ์มีการอยู่ร่วมเป็นสุข |
|
นตฺถิ ปฺาสมา อาภา (๑๕/๒๙) แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี |
|
นิชฺฌตฺติพลา ปณฺฑิตา (๒๓/๑๑๗) ขุมกำลังของบัณฑิต คือการรู้จักพินิจ |
|
นิปฺผนฺนโสภิโน อตฺถา (๑๕/๘๙๔) ประโยชน์งามตรงที่สำเร็จ |
|
นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ (ขุ.ธ. ๒๕/๔๒) นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง |
|
นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา (๒๗/๑๔๙๒) คนใจการุณย์ ช่วยแก้ไขให้คนหายโศกเศร้า |
|
โนปลิปฺปติ โลเกน โตเยน ปทุมํ ยถา (๒๖/๓๘๔) ไม่ติดโลก เหมือนบัวไม่ติดน้ำ |
|
ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺติ เตน วณฺโณ ปสีทติ (๑๕/๒๒) อยู่กับปัจจุบัน ผิวพรรณจะผ่องใส |
|
ปฺํ นปฺปมชฺเชยฺย (๑๔/๖๘๓) ไม่พึงละเลยการใช้ปัญญา |
|
ปฺฺา เจนํ ปสาสติ (๑๕/๑๗๕) ปัญญาเป็นเครื่องปกครองตัว |
|
ปฺา นรานํ รตนํ (๑๕/๑๕๙) ปัญญาเป็นดวงแก้วของคน |
|
ปฺา โลกสฺมิ ปชฺโชโต (๑๕/๒๑๗) ปัญญาเป็นดวงชวาลาในโลก |
|
ปฺา ว ธเนน เสยฺโย (๑๓/๔๕๑) ปัญญาแล ประเสริฐกว่าทรัพย์ |
|
ปฺา สุตวินิจฺฉินี (๒๗/๒๔๔๔) ปัญญาเป็นเครื่องวินิจฉัยสิ่งที่ได้เล่าเรียน |
|
ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ (๑๕/๘๔๑) ปราชญ์ว่า ชีวิตที่อยู่ด้วยปัญญา ประเสริฐสุด |
|
ปฺาย ติตฺตีนํ เสฏฺ (๒๗/๑๖๔๓) อิ่มด้วยปัญญา ประเสริฐกว่าความอิ่มทั้งหลาย |
|
ปฺาย อตฺถํ ชานาติ (๒๖/๒๖๘) ด้วยปัญญา จึงจะรู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ |
|
ปฺายตฺถํ วิปสฺสติ (๒๓/๓) ด้วยปัญญา จึงจะเห็นอรรถชัดแจ้ง |
|
ปฺาสหิโต นโร อิธ ทุกฺเข สุขานิ วินฺทติ (๒๗/๒๔๔๔) คนมีปัญญา ถึงแม้ตกทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ |
|
ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺาตา วินฺทเต ธนํ (๑๕/๘๔๕) ขยัน เอาธุระ ทำเหมาะจังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้ |
|
ปณฺฑิตา โสกนุทา ภวนฺติ (๒๘/๓๓๓) บัณฑิตช่วยปัดเป่าทุกข์โศกความเศร้าของปวงชน |
|
ปฺุํ โจเรหิ ทูหรํ (๑๕/๑๕๙) ความดี โจรลักไม่ได้ |
|
ภเวยฺย ปริปุจฺฉโก (๒๘/๙๔๙) พึงเป็นนักสอบถามหาความรู้ |
|
โภคา สนฺนิจยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ (๑๑/๑๙๗) ทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก |
|
มา ชาตึ ปุจฺฉ จรณฺจ ปุจฺฉ (๑๕/๖๖๐) อย่าถามถึงชาติกำเนิด จงถามถึงความประพฤติ |
|
ยํ ลทฺธํ เตน ตุฏฺพฺพํ (๒๗/๑๓๖) ได้สิ่งใด พึงพอใจด้วยสิ่งนั้น |
|
โยคา เว ชายเต ภูริ (๒๕/๓๐) ปัญญา ย่อมเกิดเพราะใช้การ |
|
รตฺโย อโมฆา คจฺฉนฺติ (๒๘/๔๓๙) คืนวันไม่ผ่านไปเปล่า |
|
ลพฺภา ปิยา โอจิตตฺเตน ปจฺฉา (๒๘/๓๗๕) เตรียมตัวไว้ให้ดีก่อนแล้ว ต่อไปก็จะได้สิ่งที่รัก |
|
วายเมเถว ปุริโส ยาว อตฺถสฺส นิปฺปทา (๑๕/๘๙๑) เป็นคนควรพยายามเรื่อยไป จนกว่าผลที่หมายจะสำเร็จ |
|
วิเจยฺยทานํ สุคตปฺปสตฺถํ (๑๕/๙๙) ให้ด้วยพิจารณา พระศาสดาทรงสรรเสริญ |
|
วิชฺชา อุปฺปตตํ เสฏฺา (๑๕/๒๐๖) บรรดาสิ่งที่งอกงามขึ้นมา วิชชาประเสริฐสุด |
|
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโ เทวมานุเส (๑๑/๗๒) ผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรรยา ชื่อว่าประเสริฐสุดทั้งในหมู่มนุษย์และเทวดา |
|
วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ (๒๕/๓๑๑) คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร |
|
สจิตฺตมนุรกฺขถ (๒๕/๓๓) จงตามรักษาจิตของตน |
|
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ (๒๕/๓๑๑) สัจจะ เป็นรสดียิ่งกว่าประดารส |
|
สติ ปโตโท ธีรสฺส (๒๘/๘๙๑) สติเป็นปฏักของนักปราชญ์ |
|
สติ โลกสฺมิ ชาคโร (๑๕/๒๑๗) สติเป็นความตื่นตัวในโลก |
|
สติมโต สทา ภทฺทํ (๑๕/๘๑๒) คนมีสติ เท่ากับมีของดีที่นำโชคตลอดเวลา |
|
สติมโต สุเว เสยฺโย (๑๕/๘๑๒) คนมีสติย่อมดีขึ้นทุกวัน |
|
สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหติ (๑๕/๑๗๕) ศรัทธาเป็นมิตรคู่ใจตน |
|
สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ (๑๕/๒๐๓) ศรัทธาเป็นทรัพย์ประเสริฐของคนในโลกนี้ |
|
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ (๒๕/๓๔) การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง |
|
สพฺพํ อิสฺสริยํ สุขํ (๒๕/๖๓) อิสรภาพเป็นสุขทั้งสิ้น |
|
สพฺเพสํ สหิโต โหติ (๒๓/๑๒๘) คนดี บำเพ็ญประโยชน์แก่ปวงชน |
|
สมคฺคานํ ตโป สุโข (๒๕/๒๕) เมื่อคนพร้อมเพรียงกัน ความเพียรพยายามก็นำสุขมาให้ |
|
สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ อณุ อคฺคึว สนฺธมํ (๒๗/๔) ตั้งตัวให้ได้ เหมือนก่อไฟจากเชื้อนิดเดียว |
|
สยํ กตานิ ปฺุานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ (๑๕/๑๕๙) บุญที่ทำไว้เอง เป็นมิตรตามตัวไปเบื้องหน้า |
|
สยํ กตานิ ปฺุานิ ตํ เว อาเวณิยํ ธนํ (๒๗/๑๙๙๘) ความดีที่ทำไว้เองนั่นแล เป็นทรัพย์ส่วนตัวแท้ๆ |
|
สํวิรุฬฺเหถ เมธาวี (๒๗/๒๑๔๑) เล่าเรียนมีปัญญา จะเจริญงอกงาม |
|
สิกฺเขยฺย สิกฺขิตพฺพานิ (๒๗/๑๐๘) อะไรควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด |
|
สีลํ กวจมพฺภุตํ (๒๖/๓๗๘) ศีล เป็นเกราะอย่างอัศจรรย์ |
|
สีลํ ยาว ชรา สาธุ (๑๕/๑๕๙) ศีลยังประโยชน์ ให้สำเร็จตราบเท่าชรา |
|
สีลํ อาภรณํ เสฏฺ(๒๖/๓๗๘) ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ |
|
สุกรํ สาธุนา สาธุ (๒๕/๑๒๔) ความดี คนดีทำง่าย |
|
สุขสฺส ทาตา เมธาวี สุขํ โส อธิคจฺฉติ (๒๒/๓๗) คนฉลาด ให้ความสุข ก็ได้ความสุข |
|
สุขสฺส ทาตา เมธาวี สุขํ โส อธิคจฺฉติ (๒๒/๓๗) คนฉลาด ให้ความสุข ก็ได้ความสุข |
|
สุขํ วต ตสฺส น โหติ กิฺจิ (๒๕/๕๕) ไม่มีอะไรค้างใจกังวล มีแต่ความสุขหนอ |
|
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี (๒๕/๑๙๔) สามัคคีของหมู่ ให้เกิดสุข |
|
สุขา สทฺธา ปติฏฺิตา (๒๕/๓๓) ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว นำสุขมาให้ |
|
สุขิโน วตารหนฺโต (๑๗/๑๕๓) ท่านผู้ไกลกิเลส ช่างมีแต่ความสุข |
|
สุโข ปฺาย ปฏิลาโภ (๒๕/๓๓) การได้ปัญญา นำมาซึ่งความสุข |
|
สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย (๒๕/๑๙) การสร้างสมความดี นำสุขมาให้ |
|
สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท (๒๕/๒๔) ความเกิดขึ้นแห่งท่านผู้รู้ทั้งหลาย นำสุขมาให้ |
|
สุนกฺขตฺตํ สุมงฺคลํ สุปภาตํ สุหุฏฺิตํ (๒๐/๕๙๕) ประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าฤกษ์ดี มงคลดี เช้าดี รุ่งอรุณดี |
|
สุภาสิตา จ ยา วาจา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ (๒๕/๖) พูดดี เป็นมงคลอันอุดม |
|
เสยฺโย อมิตฺโต เมธาวี ยฺเจ พาลานุกมฺปโก (๒๗/๔๕) มีศัตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรเป็นพาล |
|
ยาทิสฺจูปเสวติ โสปิ ตาทิสโก โหติ (๒๗/๒๑๕๒) คบคนเช่นใด ก็เป็นเช่นคนนั้น |
|
หิโต พหุนฺนํ ปฏิปชฺชโภเค (๑๕/๑๓๘) คนดีจัดการโภคทรัพย์ให้เป็นประโยชน์แก่คนจำนวนมาก
|

No Comments
Comments are closed.