ชีวิตยาวนาน ที่ผ่านประสบการณ์มากหลาย

17 มีนาคม 2538
เป็นตอนที่ 2 จาก 16 ตอนของ

ชีวิตยาวนาน
ที่ผ่านประสบการณ์มากหลาย

ความจริงการบำเพ็ญกุศล เพื่อแสดงออกซึ่งญาติธรรม คือธรรมะที่มีต่อญาติ สำหรับคุณโยมทั้งสองท่านในโอกาสนี้ มีเหตุผลเกี่ยวเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะท่านผู้ล่วงลับไปนั้น เป็นญาติที่ใกล้ชิดกัน คือเป็นคุณอากับหลาน และทั้งสองท่านนั้นก็มีอายุยืนยาว

โดยเฉพาะคุณโยมน้ำทอง คุณวิศาล มีอายุถึง ๙๗ ปี เกือบจะถึง ๑๐๐ ปี ส่วนคุณโยมเอิบสิริ คุณวิศาล ก็มีอายุมากถึง ๘๐ ปี ๙ เดือน ตามประวัติ ทั้งสองท่านมีอะไรที่เหมือนๆ กันหลายอย่าง

เบื้องต้นก็คือว่า ทั้งสองท่านเป็นผู้ที่มีการศึกษาสูง กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่ได้เล่าเรียนอย่างสูงสุด เท่าที่กุลสตรีจะพึงได้มีการศึกษาในยุคสมัยก่อนนั้น และทั้งสองท่านก็จบการศึกษาในด้านเป็นครู เมื่อจบการศึกษาแล้วก็ได้รับราชการเป็นครูเช่นเดียวกัน

ต่อจากนั้น เมื่อรับราชการครูไประยะหนึ่งเป็นเวลาพอ สมควร ทั้งสองท่านก็ได้ลาออกจากราชการมาทำงานในด้านธุรกิจ โดยเฉพาะก็คือธุรกิจด้านที่ดิน และการค้าต่างๆ

ทั้งสองท่านนั้น ว่าโดยอุปนิสัยใจคอก็มีลักษณะที่คล้ายกัน คือเป็นผู้ประหยัด มีความขยันหมั่นเพียร เอาใจใส่ในกิจหน้าที่การงาน และมีนิสัยโอบอ้อมอารี โดยเฉพาะก็เป็นที่พึ่งของหมู่ญาติ

นอกจากจะเป็นที่อาศัยให้ความอุปถัมภ์เกื้อกูลแก่ญาติแล้ว ก็ช่วยเหลืออุปการะแก่คนที่ด้อยกว่าตน หรือตกทุกข์ได้ยาก พร้อมทั้งมีศรัทธาในพระรัตนตรัย ได้อุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาอีกด้วย

แต่นอกจากข้อที่คล้ายกันแล้ว ก็มีข้อแตกต่างกันที่เป็นประการสำคัญ กล่าวคือ สำหรับคุณโยมน้ำทอง ชีวิตของท่านได้บุกฝ่าผ่านโลกธรรมมามากตั้งแต่เบื้องต้น นับว่าเป็นผู้สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยตนเอง ได้ผ่านความลำบากยากแค้น และตั้งตัวมาจนกระทั่งมีความสำเร็จ

ยกตัวอย่างเช่น เบื้องต้นก็มีชีวิตที่มีความสุข มีความพรั่งพร้อมในเรื่องทางวัตถุ ในเรื่องทางเศรษฐกิจ มีญาติพี่น้องพรั่งพร้อมดี จนกระทั่งอายุ ๑๕ ปี ก็เกิดปัญหาโลกธรรมที่เป็นอนิฏฐารมณ์ คือเหตุการณ์ร้ายอันไม่พึงปรารถนา ได้เข้ามาครอบงำท่วมทับ เนื่องจากเมื่อพี่ชายคนโตถึงแก่กรรมไป บิดาของท่านก็ได้เดินทางจากไปสู่ประเทศจีน

ท่านต้องอยู่ห่างไกลจากบิดาผู้บังเกิดเกล้า และพร้อมกันนั้น ฐานะทางบ้านก็ยากจนลง ทำให้ต้องดิ้นรนขวนขวายในการประกอบอาชีพด้วยตนเอง จนกระทั่งได้สร้างเนื้อสร้างตัวมีทุนรอนขึ้นมา มีเงินทองมากขึ้น มีฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้น

ครั้นมาถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๕๗ ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกเสื่อมลง ผู้คนก็เป็นอยู่ลำบาก สำหรับท่านเองก็ประสบปัญหามาก

ในระยะเวลานั้น มารดาของท่านก็ถึงแก่กรรม และในด้านเศรษฐกิจการค้า ร้านที่มีอยู่ ก็มีกิจการเสื่อมโทรม จนกระทั่งถูกศาลสั่งล้มละลาย อันนับว่าเป็นโลกธรรมแห่งความผันผวนที่เกิดขึ้นในชีวิต

อีกด้านหนึ่งคือ เรื่องยศ ฐานะ ตำแหน่ง ท่านได้รับราชการมีความเจริญก้าวหน้า ถึงกับได้เป็นครูใหญ่คนแรกของโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดราชบุรี และต่อมาก็ได้เป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่โรงเรียนการเรือน ที่ได้พัฒนามาเป็นวิทยาลัยครูสวนดุสิต และที่มาเป็นสถาบันราชภัฏสวนดุสิต ในปัจจุบันนี้

ชีวิตของท่านนับว่ามีความเจริญรุ่งเรืองในราชการ แต่แล้วต่อมาท่านก็ลาออกจากราชการ เปลี่ยนเป็นชาวบ้านธรรมดา ต้องเดินทางไปในที่ต่างๆ เพื่อทำกิจการค้าขาย สร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ แม้กระนั้นท่านก็ประสบความสำเร็จ

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< คาถานำ: “เงินทอง ไม่ทำให้หมดกิเลส”เงินจำนวนใหญ่ คนได้ยินตื่นใจ แต่ควรสนใจว่า สร้างมา และได้ใช้ไปอย่างไร >>

No Comments

Comments are closed.