ความสัมพันธ์และความรับผิดชอบทางสังคม
ดังได้กล่าวแล้ว พระภิกษุในพุทธศาสนาไม่อาจดำรงชีวิตอย่างตัดขาดจากโลกภายนอกได้ ด้วยวินัยบังคับอยู่ ให้บำรุงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีทั้งต่อพระสงฆ์ด้วยกันและต่อสังคมคฤหัสถ์ ในหมู่พระด้วยกัน ชีวิตภิกษุแต่ละรูปต้องขึ้นต่อสงฆ์หรือชุมชนภิกษุซึ่งมีพระวินัยเป็นกฎเกณฑ์ เพื่อที่ภิกษุจะอยู่ร่วมกันได้โดยสมานฉันท์และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภิกษุแต่ละรูปจะเคารพรูปอื่นตามลำดับอาวุโสของสมาชิกภาพในคณะสงฆ์ ข้าวของต่างๆ ที่ได้รับมา ก็จะแบ่งกันในหมู่สมาชิกอย่างเท่าเทียม อธิกรณ์ต่างๆ จะได้รับการตัดสินกันอย่างยุติธรรม และอำนาจสูงสุดจะอยู่ในมือของสงฆ์ หรือการประชุมของชุมชนสงฆ์ทั้งหมด แม้แต่ภิกษุผู้อยู่วิเวก ที่สุดก็ต้องมาร่วมประชุมสงฆ์ อย่างน้อยที่สุดทุกปักษ์1 และทุกครั้งที่มีการประชุมเพื่อประกอบสังฆกรรม2 แก่นสารของพระวินัยที่ได้รับการตอกย้ำมากที่สุดคือ การถือสงฆ์เป็นใหญ่3 และความสมานฉันท์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายในสงฆ์ (สังฆสามัคคี)4เอง การก่อสังฆเภท จัดว่าเป็นอนันตริยกรรมอย่างหนึ่งทีเดียว5 พระพุทธองค์ก็ทรงเคารพสงฆ์ ในสมัยเมื่อสงฆ์ขยายตัวออกไป6 ทั้งยังทรงมอบอำนาจของพระองค์ในกิจต่างๆ แก่สงฆ์ด้วย เช่น ในอุปสมบทพิธี7 เป็นต้น ความข้อนี้ยังจะเห็นได้จากสาราณียธรรม ๖ ประการ ดังต่อไปนี้
๑. มีเมตตาในกายกรรมต่อกันและกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๒. มีเมตตาในวจีกรรมต่อกันและกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๓. มีเมตตาในมโนกรรมต่อกันและกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๔. แบ่งปันข้าวของที่ได้มาแก่เพื่อนร่วมพรหมจรรย์
๕. รักษาศีลให้บริสุทธิ์เสมอกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง8
๖. มีความเห็นชอบเสมอกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
นอกจากนี้ ยังจะเห็นได้จากอปริหานิยธรรม ๗ ประการ ดังต่อไปนี้
๑. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์
๒. พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม และพร้อมเพรียงกันทำกิจและกรณีย์ของสงฆ์
๓. ไม่บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงบัญญัติ ไม่ล้มล้างสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลายตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้
๔. ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้ใหญ่ เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปรินายก พึงเคารพนับถือภิกษุเหล่านั้น เห็นถ้อยคำของท่านว่าเป็นสิ่งอันควรรับฟัง
๕. ไม่ลุอำนาจตัณหาที่เกิดขึ้น
๖. ยินดีในเสนาสนะป่า
๗. ตั้งสติระลึกไว้ในใจว่า เพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย ผู้มีศีลงาม ซึ่งยังไม่มา ขอให้มา ที่มาแล้ว ขอให้อยู่ผาสุก9
เชิงอรรถ
- คือการประชุมสวดพระปาฏิโมกข์ทุกๆ ปักษ์ ดังที่มีบัญญัติเป็นกฎไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เธอ ประชุมกัน ทุกๆ ๑๔ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำ และทุกๆ ๘ ค่ำของระยะกึ่งเดือน…เราอนุญาตให้เธอประชุมกัน…เพื่อกล่าวธรรม…เพื่อสวดปาฏิโมกข์” (วินย. ๔/๑๔๘/๒๐๓)
- ดูกรณีพิเศษใน วิสุทธิ. ๓/๓๖๘
- ตัวอย่างเช่น องฺ.ฉกฺก. ๒๒/๓๐๓/๓๖๙
- ตัวอย่างเช่น องฺ.ทสก. ๒๔/๓๖/๗๘
- อง.ปญฺจก. ๒๒/๑๒๙/๑๖๕
- องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๒๑/๒๗
- วินย. ๔/๘๕/๑๐๓
- ดูรายละเอียดใน ที.ปา. ๑๑/๓๑๗/๒๕๗; องฺ.ฉกฺก. ๒๒/๒๘๒/๓๒๒
- ที.ม. ๑๐/๗๐/๙๐; องฺ.สตฺตก. ๒๓/๒๐/๑๘
No Comments
Comments are closed.