๒. งานผูกสีมา ตามวัฒนธรรมไทย

11 มกราคม 2543
เป็นตอนที่ 6 จาก 8 ตอนของ

บุญจะใหญ่ เมื่อได้ปัญญามาหนุน

การปิดทองลูกนิมิตนี้ แม้จะเป็นเรื่องที่งอกขึ้นมาในประเพณีก็ตาม แต่ก็งอกขึ้นมาจากเรื่องที่เป็นแก่นสารในพระพุทธศาสนา คือปรารภหรืออิงอยู่กับเรื่องเดิมที่เป็นสาระในพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น ถ้ารู้จักปฏิบัติให้ถูกต้อง ก็จะได้ประโยชน์ เป็นการทำบุญที่จะเป็นอารมณ์เด่นของจิตใจต่อไป (ในทางตรงข้าม ถ้าปฏิบัติผิดก็อาจจะประสบผลในทางบาปได้เช่นกัน)

การปิดทองลูกนิมิต ที่ว่าเป็นอารมณ์บุญที่เด่นนั้น เด่นทั้งในทางวัตถุหรือรูปธรรมที่เห็นชัดใหญ่โต เพราะโยงไปถึงสีมา โยงไปถึงโบสถ์ทั้งหมดที่จะสำเร็จผลใช้งานได้ก็เพราะลูกนิมิตนั้น ตลอดจนวัดทั้งวัดที่จะมีฐานะสมบูรณ์ตามพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมือง เรามาปิดทองลูกนิมิตมีส่วนร่วมในงานผูกสีมานี้ ก็เท่ากับได้ร่วมสร้างโบสถ์และสร้างวัดนี้ด้วย

ต่อไปก็เด่นในแง่เป็นเหตุการณ์สำคัญ เป็นเรื่องพิเศษ ที่วัดนั้นๆ และชุมชนหมู่นั้นถิ่นนั้นตามปกติจะมีได้ครั้งเดียว เราได้มาร่วมในเหตุการณ์ใหญ่ที่เป็นการเริ่มต้น ซึ่งหาได้ยาก

อีกอย่างหนึ่ง ก็เด่นในแง่ของสาระประโยชน์ในงานพระศาสนา ที่จะมีสืบต่อไปข้างหน้ามากมายตลอดกาลยาวนาน ซึ่งเป็นไปตามพระธรรมวินัย หมายความว่า คนที่รู้จักทำบุญ จะมองเห็นว่า จากลูกนิมิตที่ทำให้สีมาเสร็จ ให้โบสถ์ใช้ทำสังฆกรรมได้ และทำให้วัดมีฐานะสมบูรณ์นี้ ต่อไปงานพระศาสนาต่างๆ เช่นการบวชพระ การทอดกฐิน สังฆกรรมต่างๆ และการบำเพ็ญศาสนกิจของพระสงฆ์มากมาย จะดำเนินสืบต่อไป ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญมั่นคง และบังเกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน ลูกนิมิตที่เราปิดทอง ช่วยโยงจิตของเราให้มองไปถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาและความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนได้ทั้งหมด

ถ้าชาวบ้านรู้สึกว่าเราได้ร่วมบุญครั้งใหญ่นะ เป็นการทำเพื่อพระศาสนา การปิดทองลูกนิมิตในวัดนี้ก็มีครั้งเดียวนี่แหละ ฯลฯ อย่างที่ว่าไปแล้วนี้ ก็จับไว้ในจิต เป็นอารมณ์ที่เด่น พอปรากฏขึ้นในจิตเมื่อใด จิตก็ผ่องใส เอิบอิ่ม มีปีติทุกทีไป

จิตเราไปผูกกับบุญที่เนื่องด้วยการปิดทองลูกนิมิตนั้น แล้วจิตก็จะปรุงต่อไปอีก ปรุงแต่งจากบุญส่วนที่มาเป็นอารมณ์ ให้ แล้วก็พิจารณาไป

ถ้าเป็นคนที่รู้เข้าใจมีปัญญาด้วย คือมีศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญา ก็จะยิ่งสามารถปรุงแต่งบุญได้มาก คือ เวลาระลึกนึกถึงวันนั้นเมื่อนั้นที่เราได้ไปทำบุญปิดทองลูกนิมิตร่วมงานผูกสีมา พอนึกขึ้นมาแล้วก็พิจารณาต่อไปว่า พัทธสีมาที่เราได้ไปร่วมแสดงออกสนับสนุนให้ผูกขึ้นมา พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะได้อาศัยโบสถ์และวัดที่นั่นบำเพ็ญศาสนกิจและทำบุญกุศลต่างๆ การเล่าเรียนปริยัติ การศึกษาปฏิบัติ การเผยแผ่สั่งสอนพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเจริญงอกงามขยายกว้างขวางออกไป ช่วยให้บ้านเมืองอยู่ดีมีสุข อย่างน้อยก็ช่วยยับยั้งความเสื่อมเสียหายของสังคม และช่วยให้ธรรมดำรงคงปรากฏอยู่ในโลก

ยิ่งมีปัญญามาก ก็จะยิ่งขยายเขตแดนของจิตใจให้กว้างขวางออกไปได้มาก และทำจิตใจให้มีปีติเอิบอิ่มเบิกบานได้มาก เพิ่มกำลังของกุศลให้เข้มแข็งแรงกล้ามากขึ้น เข้าหลักที่ว่า ปัญญามาหนุนปุญญัง ส่งเสริมเพิ่มพูนอานิสงส์ของบุญ

ข้อสำคัญ คืออย่างน้อยให้ใจเอิบอิ่มผ่องใส เข้าหลักพุทธพจน์ที่ว่า “จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเ สุคติ ปาฏิกงฺขา” แปลว่า เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว ก็เป็นอันหวังสุคติได้

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< ๑. การผูกสีมา ตามพระวินัยคาถาเสริมบุญในการปิดทอง >>

หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8

No Comments

Comments are closed.