ถ้ามองไม่ชัดเจน เห็นไม่ทั่วระบบ ก็จะพบแต่ความสับสน

1 ตุลาคม 2538
เป็นตอนที่ 15 จาก 17 ตอนของ

ถ้ามองไม่ชัดเจน เห็นไม่ทั่วระบบ
ก็จะพบแต่ความสับสน

ลองคิดดู ไม่ต้องเอาอุเบกขาต่อโลกและชีวิตขนาดจิตปัญญาของพระอรหันต์ เอาแค่การรู้จักปฏิบัติต่อกันในสังคม

อุเบกขาในระดับพรหมวิหาร ไม่ต้องถึงพระอรหันต์หรอก อุเบกขาระดับนี้ก็คือระดับที่จะปฏิบัติต่อกันในสังคม ที่ว่าอุเบกขาคือสภาพจิตที่จะรักษาธรรมไว้ คือ ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไปกระทบเสียหายต่อธรรม ต้องเอาธรรมไว้

ถ้าสังคมไทยปฏิบัติพรหมวิหารครบทั้งสี่ สังคมไทยเราก็ไม่เสียดุล คือ เราก็อยู่กันด้วยน้ำใจ ช่วยเหลือกัน แต่ไม่ไปละเมิดกฎเกณฑ์กติกาหลักการแห่งความเป็นธรรม และให้คนรู้จักรับผิดชอบตัวเอง มันก็ไม่เสีย

ทางฝ่ายสังคมฝรั่งก็เสียดุล เพราะไปเอาแต่อุเบกขาท่าเดียว หนักอยู่แค่อุเบกขา คือเอากฎเกณฑ์กติกาหรือกฎหมายเข้าว่า ฉันไม่รับรู้ด้วยกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล น้ำใจไม่มี ถ้าเธอปฏิบัติตามกฎ ก็ใช้ได้ แต่ถ้าเธอผิดกฎ ฉันเล่นงาน

สังคมฝรั่งเขาหนักไปทางอุเบกขา ส่วนสังคมไทยเราก็หนักมาทางเมตตากรุณา ก็เสียดุลด้วยกันทั้งคู่ ฉะนั้น สังคมฝรั่งจึงเครียดแห้งแล้ง มีความทุกข์ทางใจมาก ส่วนสังคมไทยคนก็ไม่ค่อยคิดพึ่งตัวเอง อ่อนแอ แล้วก็เสียความเป็นธรรม รักษาหลักการไม่อยู่

เมื่อคนอ่อนแอ หวังพึ่งคนอื่น ไม่ดิ้นรนขวนขวาย ก็ตกอยู่ในธรรมที่เป็นอกุศลข้อสำคัญ คือ ความประมาท เรียกว่าตกอยู่ในความประมาท กลายเป็นสังคมที่มีความประมาทสูง ก็เสียหลักการใหญ่อีก

พระพุทธศาสนาถือว่า หลักความไม่ประมาทนี้สำคัญยิ่ง คนจะต้องมีความไม่ประมาท จะมัวนอนใจ ปล่อยอะไรๆ เรื่อยเฉื่อยไปไม่ได้

การกล่อมใจด้วยความหวัง ไม่ว่าจะหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หวังพึ่งเทวดา หวังพึ่งผู้ใหญ่ หรือหวังพึ่งใครก็ตาม เมื่อหวังพึ่งแล้วกล่อมใจตัวเองอยู่ ก็สบาย ไม่ดิ้นรนขวนขวาย ก็คือประมาท อยู่ด้วยความกล่อมใจ

ฉะนั้น สังคมไทยจึงพลาดมาก เพราะมีพรหมวิหารไม่ครบสี่ เมื่อไม่ครบ ก็จึงเอียง เสียดุล ตกเป็นประมาทไป ต้องแก้กันมากทั้งปัญหาชีวิต และปัญหาสังคม เพราะเราจับจุดไม่ถูก

นักสังคมวิทยาหลายคนบอกว่า สังคมไทยหนักในระบบอุปถัมภ์ “ระบบอุปถัมภ์” นั้นมาอย่างไร แล้วมันทำให้สังคมของเราเสียอย่างไร ก็ว่ากันไป

แต่เราไม่ได้มองให้ครบทั่วตลอดระบบต่อระบบว่า ระบบอุปถัมภ์นี้ ต้องมีดุลด้วย ดุลนี้คืออะไร ก็คืออุเบกขา อุเบกขามารักษาธรรมไว้ เขาไม่รู้อันนี้ ไม่เข้าใจ ดีไม่ดีก็ไปชื่นชมสังคมตะวันตกเสียอีก ไปสุดทาง เสียดุล บางคนก็ชอบไปเลยว่า ดีแล้วสังคมไทยมีน้ำใจ

แต่ละฝ่ายในทั้งสองพวกนี้ ได้แค่อย่างเดียว ก็เสียตะแคงกันไป ไม่รู้ว่าอย่างไหนแค่ไหนทำให้สังคมของเราเสีย และจะแก้อย่างไร

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< ต้องมีปัญญาเลิศ จึงรู้จักความประเสริฐของอุเบกขาจะรักษาสังคมไทย ให้ทั้งสุขใสและเข้มแข็ง ต้องไม่เอาธรรมไปหั่นแบ่งให้กระจัดกระจาย >>

No Comments

Comments are closed.