ลุกขึ้นเดินหน้าทำท่าจะไปแล้ว ก็ต้องระวังอย่าไปติดยากล่อม

5 กรกฎาคม 2541
เป็นตอนที่ 7 จาก 11 ตอนของ

ลุกขึ้นเดินหน้าทำท่าจะไปแล้ว ก็ต้องระวังอย่าไปติดยากล่อม

เมื่อประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอย่างนี้ขึ้นมา ซึ่งได้แก่การเจอปัญหามีทุกข์ภัยมาบีบคั้นคุกคามแล้ว ตามธรรมดาคนเราก็จะต้องลุกขึ้นดิ้นรนขวนขวายหาทางออก จะต้องวิ่งกันละ แต่เอาเข้าจริงคนไทยจะลุกขึ้นวิ่งหรือไม่ ก็ยังไม่แน่ ถ้ามาเจอสิ่งกล่อมก็จะหยุดเสียอีก

สังคมไทยนี้มีสิ่งกล่อมเยอะ อันนี้คือข้อ ๒ ที่บอกเมื่อกี้ คือ ลัทธิรอผลดลบันดาล ซึ่งไม่หวังพึ่งตนเอง แต่จะรอคอยความช่วยเหลือจากภายนอก หรือเพลิดเพลินมัวเมากับอะไรที่เป็นเรื่องเลื่อนลอย หวังพึ่งอำนาจดลบันดาลจากภายนอก

อำนาจดลบันดาลมี ๒ แบบ คือ

  1. อำนาจดลบันดาลจากมนุษย์ด้วยกันที่ยิ่งใหญ่
  2. อำนาจดลบันดาลจากสิ่งที่มองไม่เห็น

สังคมไทยนี้ จะว่าพูดติเตียนตัวเองก็ต้องยอม มันเป็นอย่างนั้น คือหวังผลดลบันดาลกันมาก ชอบรอคอยว่าจะมีอำนาจภายนอกมาช่วย ชอบไปอ้อนวอนขอผล หรือหวังได้จากสิ่งกล่อมที่ง่ายๆ เช่น การพนัน เวลานี้ก็ไม่เบา เห็นได้ชัดว่าครอบงำไปทั่วหมด ต่างจังหวัดหวยใต้ดินระบาดไปทุกแห่ง ถ้าคนเพลิดเพลินอยู่กับความหวังจากสิ่งกล่อมเหล่านี้แล้วจะสร้างสรรค์อะไรได้ เราจะต้องรีบแก้ปัญหาที่ตัวคนนี่แหละ

สิ่งกล่อม มีหลายระดับ เริ่มแต่สิ่งกล่อมอย่างหยาบ เช่น สุรา ยาเสพติด คนเราจะเพียรพยายามสร้างสรรค์อะไรสักหน่อย พอมาเจอสิ่งกล่อมเหล่านี้ก็หยุด มัวแต่เมา และเสพอยู่นั่น และเพลิดเพลินหมกมุ่น มั่วสุมกัน จนเป็นอันไม่ต้องทำอะไร แม้จะมีทุกข์ก็หลบทุกข์ แต่ไม่ได้แก้ทุกข์ ได้แค่หลบทุกข์ เช่นหลบมาดื่มสุรา มาหายาเสพติด พอให้ผ่านเวลาไป ปิดตาของตัวเองจากทุกข์ภัยที่เข้ามาบีบคั้น เหมือนนกกะเรียนหรือนกอะไรก็ลืมแล้ว ที่ว่ามันหนีภัย วิ่งไปๆ ตัวมันสูงๆ โย่งๆ มันกลัวตาย มันก็เอาหัวไปซุกทราย พอหัวซุกทราย มันก็ปิดตาตัวเองมองไม่เห็นภัยนั้น มันก็สบายใจเหมือนกับว่ามันพ้นภัย แต่ที่ไหนได้ ภัยก็อยู่ที่นั้นแหละ คนที่เสพสุรายาเมาก็กล่อมใจตัวเองเหมือนอย่างนั้น

ต่อมาก็การพนัน นี่ก็สิ่งกล่อมที่สำคัญ เป็นการเพลินหรือปลอบใจตัวอยู่กับความหวังอันเลื่อนลอย หวังว่าฉันจะได้เงินจากการพนันนี้ ก็ฝันไป ไปขูดหาเลขกันบ้าง ไปหาคนใบ้หวยให้บ้าง

เวลานี้สังคมไทยมีอะไรเกิดขึ้นมาแปลกๆ สัตว์ประหลาดบ้างอะไรบ้าง ก็ไปอ้อนวอนขอหวยกัน เอาสิ่งวิปริตเป็นสิ่งวิเศษ เดี๋ยวนี้สิ่งวิปริตกลายเป็นสิ่งวิเศษในสังคมไทยเยอะเหลือเกิน แทนที่จะหาสิ่งวิเศษที่ประเสริฐแท้จริง ที่เกิดจากความสามารถสติปัญญาอย่างแท้จริง กลับไปเอาสิ่งวิปริต เช่น กบเจ็ดขา ปลาสองหาง เป็นผู้วิเศษ ทำไมไม่เอาเด็กที่เกิดวิปริตมาเป็นผู้วิเศษบ้างล่ะ สัตว์วิปริตเรายังเอาเป็นผู้วิเศษได้ เด็กเกิดใหม่ที่พิการก็น่าจะเอาเป็นผู้วิเศษยิ่งกว่านั้น มากราบไหว้เด็กพิการยังดีเสียกว่า และถ้าอยากให้มีเด็กพิการเป็นผู้วิเศษเยอะๆ ก็ไม่ยากด้วย เพียงกินยาทาลิโดไมด์กันมากๆ ก็ได้ผล

ที่ว่ามานี้เป็นเรื่องที่แสดงว่า สังคมของเราอยู่กับความหวังหรือความกล่อมใจ แล้วก็อ่อนแอ คือ พร้อมกับการที่กล่อมใจตัวเองก็อ่อนแอลงไปๆ ไม่มีความเข้มแข็ง เริ่มตั้งแต่กล่อมใจด้วยสุรายาเสพติด การพนัน แล้วก็กล่อมใจด้วยอำนาจวิเศษเบื้องหลังธรรมชาติ เช่น เจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ไปอ้อนวอนขอผล แม้แต่มาหาสมาธิ บางทีก็ยังใช้เป็นยากล่อมอีก

สมาธินั้น ตามหลักท่านเอามาใช้เพื่อทำให้จิตใจพร้อมที่จะใช้งานได้ดี เรียกว่าทำให้จิตเป็นกัมมนียะ คือเป็นจิตที่เหมาะแก่งาน แต่ผลพลอยได้ของสมาธิคือทำให้ใจสงบสบาย พอใจสงบสบาย ก็ใช้เป็นเครื่องพักผ่อนได้ ทำให้มีความสุข จุดนี้แหละที่อาจจะทำให้คนหลงได้ คือถ้าคนนั้นยังมีกิเลสอยู่ พอได้สุขจากสมาธิก็เพลิน คราวนี้ก็อาจจะใช้สมาธิเป็นยากล่อม เวลามีทุกข์มีปัญหาก็หลบมานั่งสมาธิเสีย ปัญหาก็ไม่แก้ ฉะนั้นต้องระวังกันไว้ ในสังคมไทยมีความโน้มเอียงที่จะใช้สมาธิเป็นยากล่อม จนถึงขั้นติดและหลงทางหรือไม่

ต้องย้ำว่าอันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้ามีทุกข์มีปัญหาแล้วมัวมาติดยากล่อมก็ไม่ไปไหน และจะอ่อนแอ วันนี้ที่จริงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ก็ขอพูดเรื่องเก่าๆ ย้ำแล้วย้ำอีก เวลานี้วิกฤตเศรษฐกิจได้เกิดมาครบปีแล้วในเดือนนี้ ควรจะมองดูตัวเองว่าเราได้ก้าวหน้าอะไรกันขึ้นบ้างในวิถีทางของการแก้ปัญหา

ที่น่ากลัวก็คือ พอได้ยินอะไรหน่อย ที่พอเป็นความหวังได้ เราก็เริ่มจะหยุดดิ้น การดิ้นรนขวนขวายของเราก็เลยไม่ยั่งยืน ทำอย่างไรเราจะมีความเพียรพยายามที่ยั่งยืนต่อเนื่องในระยะยาว การสร้างสรรค์ที่แท้จริงต้องทำกันยาวนาน ไม่ใช่เป็นเรื่องชั่วประเดี๋ยวประด๋าว เราชอบสิ่งที่เป็นเฉพาะหน้ามาก พอทุกข์ขึ้นมาก็โวยวายกันใหญ่ แต่พอรู้สึกว่า เออชักดีขึ้นหน่อย ก็หยุด

เพราะฉะนั้น เราจะต้องมองกว้างมองไกลมองลึกลงไปให้มาก ขอให้ดูตัวอย่างสังคมอื่นๆ ที่เขาโลดแล่นก้าวหน้ามา ซึ่งไม่ใช่หมายความว่าเราจะยอมรับว่าดี เช่น สังคมอเมริกันและสังคมญี่ปุ่นที่ถือกันว่าเจริญก้าวหน้า แต่ขณะนี้ก็ยอบแยบเต็มที อย่างสังคมอเมริกัน ก็เกิดภาวะวิกฤตในทางเศรษฐกิจมาเองเมื่อไม่กี่ปีนี้ ตอนนี้ฟื้นตัวขึ้นมา ก็ไม่ใช่จะยั่งยืนถาวรอะไร ลึกลงไป ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นนั้น สังคมอเมริกันก็มีเชื้อโรคหลายอย่างที่จะบั่นรอนสังคมอย่างหนัก มิใช่จะมีความมั่นคงปลอดภัยอะไร

แต่เอาละ ในด้านหนึ่งนั้นเรานิยมความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและในทางวัตถุของเขา และความเจริญทางเศรษฐกิจนั้นเราก็ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็น แต่เป็นเพียงว่าอย่าไปหลงเพลินมัวเมา และก็อย่าเอามาเป็นตัวตัดสินความเจริญทั้งหมด

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< ถึงจะเป็นนักผลิตขึ้นมาได้ ก็ไม่พอจะสร้างชีวิตและโลกให้ดีเบื้องหลังประเทศที่พัฒนา คือประวัติการฟันฝ่าทุกข์ภัย >>

No Comments

Comments are closed.