- เขาทำร้าย เราให้ธรรม
- ตอน ๑ ล่าสุด “คำให้การ พันเอกบรรจง”
- ตอน ๒ (เรื่องใหม่) อนุสติกถา การสารภาพกรรมทุจริต ของ ชมรม(เถื่อน)ชาวพุทธสามเหล่าทัพ
- (พุทธศาสนสุภาษิต)
- ตอน ๓ (เรื่องเก่า) ขอคำตอบจาก ผบ.ทหารสูงสุด กรณีนายทหารทุจริต แห่งชมรม(เถื่อน)ชาวพุทธสามเหล่าทัพ
- จดหมายถึง ผบ.ทหารสูงสุด
- คำชี้แจงของ บก. ทหารสูงสุด
- หนังสือชี้แจงจาก เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร บก. ทหารสูงสุด
- ชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ กับ ดร. เบญจ์ บาระกุล
- หนังสือเท็จทุจริต ของ ดร. เบญจ์-บรรจง
- กลลวง ของ ดร. เบญจ์-บรรจง
- เรื่องพระธรรมปิฎกไปต่างประเทศ
- เรื่องหนังสือพุทธธรรม
- ดร. เบญจ์-บรรจง ทำงานให้ใคร
- ทำไมตำรวจจึงว่า ดร. เบญจ์ ทำงานให้วัดธรรมกาย
- ภาคผนวก: หนังสือแจ้งมหาเถรสมาคม
- ภาคผนวก: หนังสือแจ้งเจ้าคณะจังหวัด
- ภาคผนวก: หนังสือแจ้งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- ภาคผนวก: มติมหาเถรสมาคม และหนังสือนำส่งมติ
- ภาคผนวก: คำสั่งกระทรวงกลาโหม
บันทึกเหตุการณ์
เพื่อให้มองเห็นเรื่องที่เป็นมา และเข้าใจสาระของจดหมายสอบถาม พร้อมทั้งคำชี้แจงของกองบัญชาการทหารสูงสุดข้างต้นได้ชัดขึ้น ขอเล่าเรื่องราวประกอบไว้ดังนี้
ชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ กับ ดร. เบญจ์ บาระกุล
งานทุจริต1 ของกลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า “ชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ” เท่าที่ปรากฏ เริ่มขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ในระยะที่กำลังมีข่าวครึกโครมเกี่ยวกับปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยมีนายทหารบางคนหรือกลุ่มหนึ่ง เที่ยวแจกเอกสาร/หนังสือ และต่อมาออกชื่อเป็นผู้ขอพิมพ์เผยแพร่หนังสือของ ดร. เบญจ์ บาระกุล
ผู้แสดงตัวเป็น “ประธานชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ” พิมพ์หนังสือของ ดร. เบญจ์ บาระกุล เผยแพร่ ระยะแรกใช้ชื่อว่า จักรพันธ์ ยุทธเวท แต่หลังจากนั้น อย่างช้าตั้งแต่เดือน ตุลาคม ๒๕๔๒ เปลี่ยนเป็น พ.อ. บรรจง ไชยลังการ (บางครั้งก็ใช้ว่า ไชยลังกา)
เรื่อง ชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับราชการทหาร ไม่เป็นที่รับรู้ของทั้งสามเหล่าทัพ และ พ.อ. บรรจง ไชยลังการ เป็นเพียงผู้นำเอายศทหารไปอ้างในการทำทุจริตของตนนั้น ชัดเจนอยู่แล้วในคำชี้แจงของทางกองบัญชาการทหารสูงสุดข้างต้น
ส่วน ดร. เบญจ์ บาระกุล นี้ เป็นชื่อบังหน้า และเพราะหนังสือที่เขาเขียนขึ้นเป็นเอกสารเท็จทุจริต ซึ่งทางการตำรวจได้พิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาทางการตำรวจจึงได้ออกหมายจับ ดร. เบญจ์ บาระกุล ตามหมายจับ ลงวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๒ แต่เมื่อไม่ใช่ชื่อจริงก็ต้องสืบหา ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้
ดร. เบญจ์ บาระกุล นี้ นอกจากไม่ใช่ชื่อจริงแล้ว ก็ทราบว่าไม่ได้เป็น “ดร.” อย่างที่อ้าง
ที่จริง ถึงแม้ไม่ต้องสืบก็รู้ได้ทันทีว่า เบญจ์ บาระกุล นี้ ไม่ได้เป็น “ดร.” เพราะในหนังสือของเขานั้นยกดีกรี/ปริญญาภาษาอังกฤษบ้าง สมการภาษาอังกฤษบ้าง ข้อความภาษาอังกฤษเรื่องอื่นๆ บ้าง ขึ้นมาอ้างให้ดูขลัง แต่ภาษาอังกฤษนั้นไม่ถูกต้อง ชื่อวิชาหรือปริญญาที่อ้างว่าตัวเรียนจบมาก็เขียนไม่ถูก แม้แต่ชื่อมหาวิทยาลัยที่อ้างว่าเรียนก็ยังเขียนไม่ถูก ชื่อเมืองก็เขียนไม่ถูก ผู้รู้อ่านแล้วกลายเป็นน่าขำ
(ชาวพุทธคนไทยในอเมริกาอาจจะช่วยสืบดูบ้าง ตามที่มีผู้ใหญ่บางท่านเล่าว่า คนที่ใช้ชื่อว่า ดร. เบญจ์ บาระกุล นี้ ถึงจะไม่มีการศึกษาสูง แต่ได้อยู่ในอเมริกานาน และรู้กันว่าเขาพูดเก่ง เป็นหมอดู)
การใช้ชื่อปลอมบังหน้าฟ้องอยู่แล้วว่าเขาทำเรื่องเท็จ จึงไม่กล้าสู้หน้าความจริง และการปลอมอ้างตัวเป็น “ดร.” ก็แสดงลักษณะนิสัยและส่อเจตนาอยู่แล้วว่าเป็นผู้หลอกลวง การที่อ้างวุฒิปลอมขึ้นมา ก็เพื่อจะให้เอกสารเท็จที่ตนเขียนมองดูน่าเชื่อถือ
แต่เมื่อมองดูในแง่มุมที่ถูกต้อง ก็เห็นได้ว่า คนที่แม้แต่คุณสมบัติของตนเองก็ยังหลอกลวงคนอื่นแล้ว สิ่งที่เขาพูดหรือเขียน ก็ต้องเป็นเรื่องหลอกลวง หรือเขียนขึ้นเพื่อหลอกลวง และที่เขาใช้วุฒิหลอกลวงนี้ก็เพื่อทำงานหลอกลวงนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ส่วนที่คงจะชมเขาได้อย่างหนึ่ง ก็คือเขาเป็นคนที่มีความสามารถในการหลอกลวง หรือหลอกลวงได้เก่ง จนคนที่ไม่รู้ความจริง รู้ไม่ทัน และไม่สืบไม่ตรวจสอบเรื่อง ก็จะหลงเชื่อไปตาม จะเห็นได้ว่า คนที่หลอกลวงเก่ง จะมีความสามารถและลักษณะแบบคนที่อ้างชื่อว่า ดร. เบญจ์ บาระกุล นี้
ที่พูดนี้ มิใช่เป็นคำรุนแรง แต่เป็นความจริงที่จำเป็นต้องพูด เพื่อให้ประชาชนรู้เข้าใจ พระพุทธศาสนาและประเทศชาติจะได้พ้นภัยจากคนบาปทุจริต ที่เที่ยวหลอกลวงคน
No Comments
Comments are closed.