- (กล่าวนำ)
- อัตตหิตสมบัติ กับ ปรัตถปฏิบัติ
- ปัญญา และ กรุณา พุทธคุณที่มาจาก อัตตหิตสมบัติ และปรัตถปฏิบัติ
- ทัศนะชาวตะวันตกที่มองชาวพุทธ
- ความแตกต่างในสังคมชาวพุทธ
- ความแตกต่างหลากหลาย ในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
- ปลาเป็นว่ายทวนกระแสน้ำ
- หน้าที่ของปัญญาชนชาวพุทธ
- พุทธศาสนาในสังคมไทย
- ภาคสนทนา: การถือมังสวิรัติ ผิดหรือถูกอย่างไร
ความแตกต่างหลากหลาย
ในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ตัวอย่างความแตกต่างหลากหลายนี่เราเห็นมาก อย่างคฤหัสถ์ที่บรรลุธรรมเป็นโสดาบันเป็นอริยบุคคลอยู่ครองเรือนมีบุตรภรรยา แต่ว่าได้บรรลุโลกุตตรธรรมแล้ว แต่พระสงฆ์บางองค์ อาจจะไปอยู่ป่าตลอดชีวิต ได้ฌานสมาบัติก็อยู่แค่โลกียธรรมตลอดชีวิต ไม่ได้บรรลุโลกุตตรธรรมอะไร นี้ก็เป็นความแตกต่างหลากหลาย
แต่คฤหัสถ์ถึงจะเป็นพระอนาคามี เป็นพระอริยบุคคล ก็กราบไหว้พระสงฆ์ แม้จะเป็นปุถุชนที่กิเลสหนา อันนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่สังคม เราก็ต้องเข้าใจ เพราะว่าท่านที่เป็นพระอริยบุคคล เป็นคฤหัสถ์ที่มีคุณธรรมสูงจิตใจสูงแล้ว ท่านก็ไม่ได้ถือเนื้อถือตัวอะไร แต่ไหว้พระปุถุชน อันนี้เพื่อยกย่องรูปแบบที่เป็นตัวแทนของคุณธรรมความดีไว้ เชิดชูสิ่งที่ควรจะเชิดชูไว้เป็นหน้าที่ของสังคมต่อไป นี่เป็นคติของชาวพุทธที่มีปฏิบัติกันมาแต่ดั้งเดิม
ในหมู่พระเอง ท่านก็มีปฏิบัติกันหลากหลาย บางองค์ถือวัตร ถือธุดงค์ ธุดงค์ก็คือข้อปฏิบัติพิเศษให้เคร่งครัด เช่น อยู่ป่า โคนไม้ เป็นต้น พระองค์อื่นรู้ก็ยกย่องให้เกียรติ เออ…ท่านองค์นี้ดี ท่านมีความประพฤติเคร่งครัดถือวัตรเป็นพิเศษ องค์ที่ถือก็ไม่ได้ว่าอะไรองค์อื่น ก็มีความยกย่องนับถือซึ่งกันและกัน หรืออย่างพระภิกษุที่เป็นพระอรหันต์ก็กราบไหว้ภิกษุปุถุชนที่มีพรรษาสูงกว่า ส่วนในการงานก็เอาตามความสามารถ อันนี้คือชุมชนชาวพุทธที่เรารู้ว่ามีความแตกต่างหลากหลายในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แล้วก็รวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย อาศัยเมตตา กรุณา มีคารวธรรม มีความรักเคารพกัน เกื้อกูลซึ่งกันและกัน มันก็ไม่เกิดเป็นปัญหาขึ้น
เอาละ…อาตมาพูดในเรื่องนี้มาแล้วก็ขอพูดเลยไปอีกอย่างหนึ่งว่า ชาวพุทธเรานี้ แม้จะประพฤติปฏิบัติอะไรก็ต้องคอยสำรวจตนเอง เมื่อสำรวจตนเอง มองเห็นว่าได้ประพฤติปฏิบัติดีงามต่างๆ เราก็ย่อมมีความปีติเอิบอิ่มใจในสิ่งที่ได้ประพฤติปฏิบัตินั้น แต่เราต้องระวัง เราอาจเกิดลืมตัวไป ไปๆ มาๆ เราอาจจะเกิดมานะอหังการว่า เราดีกว่าคนอื่น เลยกลายเป็นอสัตบุรุษไป เราควรจะนึกเตือนตนไว้เสมอๆ ว่า ถึงเราจะประพฤติปฏิบัติอย่างไร เราก็สู้โจรองคุลีมาลไม่ได้ โจรองคุลีมาลนี้เป็นโจรร้าย ฆ่าฟันคนมามากมาย แต่มาวันหนึ่งแกมาพบพระพุทธเจ้าแล้วได้ฟังธรรม ก็เข้าใจ บรรลุธรรม ไปบวชเป็นพระอรหันต์ เรานี่ประพฤติดีแค่ไหน ก็สู้โจรองคุลีมาลไม่ได้สักคน นี้เป็นข้อเตือนใจไว้ คือ จะได้เป็นเครื่องระวังตัวไม่ให้มีความประมาท
ต่อไปนี้ ขอพูดถึงข้อสังเกตอย่างหนึ่ง อาตมาได้พูดถึงเรื่อง โลกุตตรธรรมและเรื่องโลกียธรรม ข้อสังเกตที่หนึ่ง อาตมาอยากจะเอาคำพูดสมัยใหม่ไปเทียบกับคติเรื่องโลกียธรรมและโลกุตตรธรรม
No Comments
Comments are closed.