- (กล่าวนำ)
- ดูเขาดงยางเป็นตัวอย่าง ก็พอเห็นว่าสัตว์ป่าไปไหน
- เมื่อสัตว์เมืองเจริญขึ้นมา สัตว์ป่าก็ล้มหาย
- ถ้าสัตว์เมืองยังโหด ป่าก็ต้องหด สัตว์ป่าก็ต้องหาย
- ถ้าสัตว์เมืองไม่พัฒนาจิตใจ ใครๆ ก็ช่วยสัตว์ป่าไม่ไหว
- ถ้าพัฒนาคนให้ดี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคือหูตาของชาวบ้าน ถ้าคนไม่พัฒนา เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าต้องหันหน้าสู้ชาวบ้าน
- เมื่อคนฝึกตนให้มีเมตตา สัตว์ป่าก็ปลอดภัย ใจคนก็เป็นสุข
- สัตว์เมืองอยู่ร่วมโลกกับสัตว์ป่า ควรศึกษาคติธรรม และมีน้ำใจไมตรี
- คนไทยมีคติธรรมและสัญลักษณ์ที่คุ้นใจ พาสัตว์ป่าเข้ามาให้รู้สึกใกล้ชิดและชื่นชมเป็นมิตร
- ไม่ว่าจะล่า หรือจะอนุรักษ์สัตว์ป่า ก็เพื่อคนทั้งนั้น การอนุรักษ์ยั่งยืนไม่ได้ ถ้าสัตว์เมืองไร้น้ำจิตไม่จริงใจ
- คนพัฒนาจากสัตว์ป่าเป็นสัตว์เมือง โลกยิ่งเสี่ยงภัย ต้องให้สัตว์เมืองพัฒนาเป็นอารยชน จึงมีสันติสุขได้
คนไทยกับสัตว์ป่า1
วันนี้ ที่บริเวณสถานพำนักสงฆ์สายใจธรรม ที่เขาสำโรงดงยาง ซึ่งเรียกสั้นๆ ว่าเขาดงยางนี้ มีการ “ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ”
ญาติโยมได้เดินทางมากันเป็นจำนวนมาก ประมาณสัก ๑๐๐ ท่าน และได้ร่วมกันสละแรงสละเวลา บำเพ็ญประโยชน์ เจ้าภาพใหญ่คือ สัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย
การมาปลูกต้นไม้ในช่วงนี้ก็เหมาะ คือเป็นฤดูฝน เรียกว่าฤดูพรรษา อีก ๔ วันข้างหน้าก็จะเป็นวันเข้าพรรษา
การปลูกต้นไม้ในช่วงนี้จึงถือว่า เป็นฤกษ์งามยามดี เป็นนิมิตหมายว่า ต้นไม้จะเจริญงอกงามเพราะได้ฝน
นอกจากทางสัตวแพทยสมาคมฯ แล้ว ก็ยังมีหน่วยงานอื่นๆ มาร่วมด้วย ซึ่งอาตมภาพในฐานะผู้อยู่ที่นี้ ก็ขออนุโมทนาไว้ด้วย
หน่วยงานที่ร่วมกุศล ก็คือ สำนักงานปศุสัตว์ เขต ๒, กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม, คณะศิษย์เก่าโรงเรียนสตรีกุหลาบธนบุรี
ทั้งนี้ก็มีคณะอนุกรรมการวิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้และไม้โตเร็วเอนกประสงค์ สภาวิจัยแห่งชาติ เป็นฝ่ายประสานงานและบำรุงรักษาดูแล
ทั้งหมดนี้ อาจารย์ ดร.สุรีย์ ภูมิภมร ได้ประสานงานเป็นหลักสำคัญอยู่ทาง “กองทุนป่าสายใจธรรม”
วันนี้ปลูกป่ากันไม่ใช่น้อยทีเดียว ได้ทราบว่าเป็นจำนวนต้นไม้ถึง ๒,๐๐๐ ต้น ในเนื้อที่ ๑๐ ไร่ และยังมีไม้ที่บริจาคไว้ซึ่งจะขยายได้เป็น ๑๕ ไร่
ด้วยเหตุที่สัตวแพทยสมาคมฯ เป็นเจ้าภาพวันนี้ เพราะฉะนั้น ป่าส่วนนี้ก็จะเรียกชื่อว่าเป็น “ป่าสัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย” จะได้เป็นที่ระลึกหรือเป็นอนุสรณ์สืบไปภายหน้า
No Comments
Comments are closed.