- (กล่าวนำ)
- – ๑ – สิ่งที่ควรเข้าใจก่อน
- เหตุใด ในปัจจุบัน ปัญหาจริยธรรมจึงแก้ไขได้ยาก?
- มองปัญหาจริยธรรม โดยสัมพันธ์กับความต้องการของบุคคลและสังคม
- ปัญหาจริยธรรมในสังคมไทย
- สภาพที่ชี้บ่งถึงความต้องการของสังคมไทย
- ปัญหาของประเทศพัฒนา ที่สังคมไทยตามรับเข้ามา
- ความต้องการสองด้านของสังคมไทย
- – ๒ – หลักการและวิธีการทั่วไป ในการแก้ปัญหาจริยธรรม
- แก้ไขให้ครบทั้งด้านบวกด้านลบ และให้ลึกถึงสาเหตุ กำจัดเหตุเดียวได้ ปัญหาหมดไปเป็นพวง
- ตัวอย่างสาเหตุของปัญหา ที่แฝงมาในพื้นเพของเราเอง
- กิเลสใหญ่ชุดสำคัญ ที่บงการบทบาทของคน
- ใช้กิเลสแก้ไข ถึงจะได้ผล ก็ไม่ปลอดภัย
- สร้างจริยธรรมตัวนำขึ้นข้อเดียว จริยธรรมอื่นพ่วงมาเป็นพรวน
- – ๓ – ระบบจริยธรรมที่ครบวงจร
- การแสดงออกอย่างเสรี คือความเหลวไหล ถ้าไม่สัมพันธ์กับจุดมุ่งหมาย
- ตัวอย่างที่ ๒: สันโดษ
- ตัวอย่างที่ ๓: ปลงอนิจจังได้ สบายใจ
- ไม่ใช่แค่ใจสบาย ต้องให้กิจสำเร็จ
- แก้ไของค์ประกอบทุกด้านให้ครบ
- การศึกษาที่ถูกต้อง มองให้ตลอดสาย พัฒนาไปให้จบกระบวน
- การศึกษาต้องตลอดสาย จึงจะพาคนให้พึ่งตนเองได้
- ประโยชน์ของรายการหัวข้อจริยธรรม
แก้ไขให้ครบทั้งด้านบวกด้านลบ และให้ลึกถึงสาเหตุ
กำจัดเหตุเดียวได้ ปัญหาหมดไปเป็นพวง
มีข้อสังเกตในเบื้องต้นว่า หลักและวิธีการในการแก้ปัญหาทางจริยธรรมที่จะทำให้คนมีจริยธรรมนี้ มีแง่ปฏิบัติสองด้านไปพร้อมกัน คือมีด้านลบและด้านบวก
เมื่อเราพูดว่า เราจะทำให้คนมีจริยธรรม เราก็พูดถึงการแก้ปัญหาจริยธรรมไปด้วย จึงมีด้านลบและด้านบวก ด้านลบคือจะต้องกำจัดอะไร ส่วนด้านบวกก็คือจะต้องส่งเสริมอะไร
บางคนพูดหนักไปทางส่งเสริมว่า จะต้องมีจริยธรรมข้อนั้นๆ จะต้องสร้างความมีระเบียบวินัยให้เกิดขึ้น จะต้องทำให้คนมีความขยันหมั่นเพียร จะต้องทำให้คนมีความรับผิดชอบ จะต้องมาช่วยกันส่งเสริมอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นเรื่องของการพูดในแง่บวก
แต่บางคนหันไปสนใจ หรือเน้นในแง่ลบว่า ประเทศเรามีปัญหาอย่างนั้นๆ คนของเรามีปัญหาอย่างนี้ๆ เช่นว่ามีค่านิยมบริโภคมาก ชอบหรูหราฟุ่มเฟือย ชอบอวดโก้อวดฐานะ ชอบเอาดีเอาเด่นคนเดียว ตลอดจนกระทั่งว่า มีการฆ่าฟันกันตายมาก มีความขาดแคลนแร้นแค้น เป็นปัญหาเศรษฐกิจสัมพันธ์ เหล่านี้เป็นเรื่องที่จะต้องเลิกละกำจัด จริยธรรมจะแก้ไขอย่างไร นี้ก็หนักไปในด้านลบ
ในการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง จะหนักไปในด้านเดียว ด้านใดด้านหนึ่งไม่พอ ต้องพูดให้สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน คือต้องมีทั้งบวกและลบ แล้วก็ทั้งบวกและลบนี่มันอยู่ในเรื่องเดียวกัน คือในเรื่องเดียวกันนี้มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ต้องแก้ให้ตรงให้ครบ
แต่คำว่า ด้านบวกและด้านลบ ไม่ใช่มีความหมายเพียงเท่านี้ ยังมีความหมายลึกซึ้งลงไปกว่านี้อีก
เอาตอนแรกก่อน ในการที่จะแก้ปัญหานั้น ตามหลักการของการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นหลักที่พระพุทธศาสนาสอนไว้ ก็คือ ต้องแก้ที่สาเหตุ สาเหตุนี้มักจะเป็นด้านลบ คือด้านกำจัด เริ่มด้วยรู้ว่าอะไรเป็นเหตุของปัญหา เราก็จะต้องสืบสาวหาสาเหตุ คือไม่ใช่มัวนึกแต่จะสร้างคุณธรรม จริยธรรมข้อนี้ข้อนั้น
จริงอยู่ การขาดแคลนจริยธรรมนั้นเป็นเรื่องด้านลบอยู่ในตัวแล้ว เวลาเราพูด เราจะปฏิบัติ เรามักจะเพ่งทางด้านบวก คือด้านว่าจะทำอย่างไรให้คนมีอันนั้นอันนี้ แต่เราลืมมองไปว่า เราได้ค้นหาสาเหตุของมันหรือยังว่า ทำไมมันจึงเป็นอย่างนั้น ทำไมปัญหานี้จึงเกิดขึ้น ทำไมเราจึงขาดแคลนจริยธรรมข้อนั้น ทำไมคนของเราจึงชอบบริโภคไม่ชอบผลิต ทำไมคนของเราจึงขาดระเบียบวินัย ทำไมคนของเราทำงานรวมกันเป็นทีมไม่ได้ นี้ก็เป็นปัญหาที่เราจะต้องวิเคราะห์ ต้องหาสาเหตุของแต่ละอย่างว่าทำไมคนของเราจึงเป็นอย่างนั้น
บางทีเหตุของปัญหาจริยธรรมหลายๆ อย่างนี้มันอาจจะเป็นเหตุเดียวกันก็ได้ โดยเฉพาะเหตุส่วนหนึ่งนั้น มันก็ปนมาและแฝงอยู่ในพื้นฐานของเรานี่เอง แต่พื้นฐานจิตใจของคนไทยเรานี่ เราเคยศึกษาให้ชัดเจนไหม ตัวเหตุนี่มันจะต้องมาในตัวของคนเราหรือในสังคมของเรา เราก็ต้องศึกษาว่า ลักษณะนิสัยจิตใจของคนไทย พื้นเพของคนไทยเป็นอย่างไร
เราจะคิดแต่เพียงว่า เราจะทำให้คนไทยมีจริยธรรมข้อนี้ เราจะสร้างจริยธรรมข้อนี้ขึ้น เท่านี้ไม่พอ เพราะว่าในพื้นฐานจิตใจของคนไทย อาจจะมีลักษณะ หรือองค์ประกอบบางอย่างเป็นปมหรือเป็นตอ ที่อาจจะขัดขวางหรือคอยต้านให้รับจริยธรรมข้อนั้นไม่ได้ ก็จะปลูกฝังจริยธรรมข้อนั้นไม่สำเร็จ อาจจะต้องกำจัดปมหรือตอนั้นก่อน หรือบางทีอาจจะแก้ได้โดยปรับให้เข้าเหลี่ยมเข้าแง่เข้ามุมกันก่อน ก็จะรับกันและเสริมต่อกันได้ การทำในด้านบวก จึงต้องควบคู่ไปกับการปรับแก้ในด้านลบด้วย
No Comments
Comments are closed.