การตามฝรั่งในทางที่ผิด

10 กรกฎาคม 2525
เป็นตอนที่ 16 จาก 20 ตอนของ

การตามฝรั่งในทางที่ผิด

ขอพูดต่อไปถึงการตามอีกอย่างซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก คือการตามไปในทางที่ฝรั่งก็ผิดอยู่แล้ว อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในบรรดาการตามทั้งหลาย แต่เราไม่มีเวลาเพียงพอที่จะพูดเรื่องนี้ได้มาก การตามในทางที่ฝรั่งก็ผิดอยู่แล้วนี้เป็นการที่เราอยู่ดีๆ ก็ไปตามในเรื่องที่ฝรั่งเขาผิดก็มี เป็นการที่เราเองก็ผิดอยู่แล้ว ออกจากผิดของเรา ก็ไปหาผิดของฝรั่งบ้างก็มี จะขอยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง ซึ่งของเราก็อาจจะไม่ค่อยดีนัก คือมีอะไรพลาดๆ อยู่ แล้วก็ยังตามฝรั่งไป ออกจากพลาดของเราไปหาของเขาที่พลาดอีกด้วย อาตมภาพขอเรียกเรื่องนี้ว่า เป็นการไม่รู้จักแยกระหว่างการยอมรับความจริง กับการยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญในระดับวิชาการ ขอย้ำอีกว่า การยอมรับความจริงกับการยอมรับสภาพที่เป็นอยู่เป็นคนละอย่าง แต่เป็นเรื่องที่เราไม่ค่อยรู้จักแยก

ทั้งสังคมตะวันตกและสังคมตะวันออกแยกการยอมรับความจริงกับการยอมรับสภาพที่เป็นอยู่นี้ไม่ได้ สังคมหนึ่งคือสังคมไทยนี้ เอามาปนกัน คือเอาการยอมรับความจริงกับการยอมรับสภาพที่เป็นอยู่มาปนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แล้วเอาทั้งหมด ส่วนสังคมตะวันตกก็จับมาปนกัน แต่ไม่เอาทั้งหมด คือทั้งไม่ยอมรับความจริง และไม่ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ จะให้เห็นภาพชัดขึ้น ขอยกตัวอย่าง เช่น คนไทยเรานี้มีค่านิยมในการเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นอนิจจัง เมื่อเกิดความพลัดพราก เกิดความสูญเสียขึ้น คนไทยเราจะปลงได้ว่า อ้อ…อันนี้อนิจจังไม่เที่ยง เป็นธรรมดาเมื่อมีเกิดก็มีดับ สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามกรรม เมื่อไม่เที่ยงก็หมดสิ้น สูญสลาย แตกดับไป เมื่อมันเป็นธรรมดาอย่างนั้น เราก็ไม่ต้องเป็นทุกข์เป็นร้อน เราก็ปล่อยไปตามเรื่อง ก็สบายใจหายทุกข์ได้ อันนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ซึ่งฝรั่งเขาเอาไปพูดมาก เขาบอกว่านี่เป็นเหตุให้ประเทศไทยไม่เจริญ พัฒนาไม่ได้ เพราะพระพุทธศาสนาสอนให้คนยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ จึงไม่คิดที่จะปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลง แต่ความจริงเรื่องนี้มันมีอยู่ ๒ ตอน คือตอนที่หนึ่งคนไทยยอมรับความจริง มองเห็นความจริงของสิ่งทั้งหลายว่าไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เสร็จแล้วตอนที่สองก็ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ต่อเลยว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมันต้องเป็นไป เราก็ไม่ต้องทำอะไร ก็ต้องปล่อย สุดแต่มันจะเป็นไป นี้เรียกว่ายอมรับสภาพที่เป็นอยู่ แต่ตะวันตกนั้นเขาไม่ยอมรับทั้งนั้น เรื่องธรรมดาของความไม่เที่ยงนั้นสมองเขาเรียนรู้ความจริง แต่ใจเขาไม่ยอมรับความจริง ส่วนสภาพที่เป็นอยู่เขาก็ไม่ยอมรับ เขาจะต้องฝืน จะต้องเอาชนะธรรมชาติทำสำเร็จให้ได้ เพราะฉะนั้น ฝรั่งเขาจึงบอกว่าเขามีความเจริญล้ำหน้าเป็นอันมาก เขาเจริญขึ้นมาเพราะอย่างนี้ แต่ผลที่สุดแล้วเป็นอย่างไร

สำหรับฝ่ายของไทยนั้น เรามีจิตใจสุขสบายดี แต่ไม่เจริญก้าวหน้ามาก เพราะเอาสภาพความเป็นจริงกับสภาพที่เป็นอยู่มาปนกัน แล้วยอมรับทั้งสองอย่าง แต่ฝ่ายตะวันตกนั้นไม่ยอมรับเลยทั้งสองอย่างนี้ เขาก็เจริญก้าวหน้ามาก แต่ก็เจริญด้วยความทุกข์ ชีวิตของฝรั่งเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด อารมณ์แรง ดีใจเสียใจแสดงเต็มที่ จิตใจกระวนกระวาย เต็มไปด้วยความกดดัน เกิดปัญหาทางจิตตลอดจนเป็นโรคจิตกันมาก ซึ่งเป็นปัญหาเด่นของสังคมตะวันตกยุคปัจจุบัน เช่นที่คนหนุ่มสาวของเขาปฏิเสธสังคมออกไปเป็นฮิปปี้ มาสนใจโยคะ หริกฤษณะ ฝึกสมาธิ หันมาตะวันออก เป็นต้น เป็นอันว่าคนไทยใจสบายแต่ไม่พัฒนา อเมริกันพัฒนาแต่ใจคับแค้นว้าวุ่น ดีคนละอย่าง เสียคนละอย่าง

ทีนี้ ตามหลักพระพุทธศาสนาที่แท้จริงเป็นอย่างไร เราให้แยกระหว่างการยอมรับความจริงกับการยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ ตอนที่หนึ่ง การยอมรับความจริงก็คือ ยอมรับโดยมองเห็นว่าสิ่งทั้งหลายเป็นอนิจจัง มันไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็แตกดับไป เมื่อรู้อย่างนี้แล้วว่ามันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ผลเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยนี้แล้ว เราจะมายึดมั่นถือมั่นไม่ได้ เราก็วางใจได้ จิตใจเราก็สบาย ต่อจากนี้ตอนที่สอง ก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาต่อไปอีกว่า การที่สิ่งทั้งหลายเปลี่ยนแปลงไปนั้นมันไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างเลื่อนลอย แต่มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย เมื่อเตรียมเหตุปัจจัยมาดี มันก็เป็นไปในทางที่ดีงามตามที่เราต้องการ เรียกว่า ความเจริญ ถ้าสร้างเหตุปัจจัยในทางร้าย ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่เราไม่ต้องการ เรียกว่า ความเสื่อม ในเมื่อเราไม่ต้องการความเสื่อม เราก็ต้องละเว้นและกำจัดเหตุปัจจัยที่จะทำให้เกิดความเสื่อม แล้วหันมาสร้างเหตุปัจจัยที่จะทำให้เกิดความเจริญ เราก็เจริญได้ ก้าวหน้าได้ โดยจิตใจเป็นสุขด้วย หรือแม้จะยังมีทุกข์ก็ทุกข์น้อย ในทางพุทธศาสนาต้องการให้สร้างความเจริญได้ด้วย โดยที่จิตใจก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ด้วย การยอมรับความจริงไม่จำเป็นต้องยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ แต่ยอมรับความจริงแล้ว ก็ต้องต่อด้วยการกระทำด้วยความรู้ในความจริงนั้น และเรียนรู้ความจริงของเหตุปัจจัยต่อๆ ไป ซึ่งถ้าใช้คำศัพท์ในทางพุทธศาสนา ทั้งการยอมรับความจริงและการแก้ไขปรับปรุงสภาพที่เป็นอยู่ด้วยความรู้นี้ ก็เรียกสั้นๆ ได้ว่า เป็นอยู่และทำการด้วยความรู้เท่าทันความเป็นจริง พูดอีกสำนวนหนึ่งว่า รู้ความจริงตามสภาพที่เป็นอยู่แล้ว ใจยอมรับความจริง แต่สมองไม่ต้องยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ พยายามคิดแก้ไขปรับปรุงทำการต่อไปอย่างจริงจัง พร้อมด้วยจิตใจที่เป็นสุข

เป็นอันว่า ฝรั่งได้ไปข้างหนึ่งคือสร้างความเจริญ ไทยได้มาข้างหนึ่ง คือมีความสุขสบายใจ เมื่อเรารับความเจริญของฝรั่งมา เราก็ควรเก็บส่วนที่ดีของเราไว้ เอาส่วนที่เสียของเราทิ้งไป ฝรั่งดีแง่ไหนเราก็รับเอามา แง่ไหนของเขาร้ายเราก็ไม่เอา เราก็ได้ทั้งสองอย่าง เรื่องอะไรที่เราจะทิ้งส่วนดีของเรา แล้วไปรับเอาของฝรั่งมาทั้งดุ้น ทั้งส่วนดีส่วนชั่ว แล้วกลายเป็นไปเอาปัญหามาทับถมให้ตัวเอง

สภาพปัจจุบันที่น่ากลัวและควรระวัง ก็คือ เราจะรับเอาส่วนที่อ่อนแอของวัฒนธรรมฝรั่งมา และคงส่วนที่อ่อนแอของตัวเองไว้ ได้ไว้ข้างละครึ่ง แต่ล้วนเป็นครึ่งที่ไม่ดี ก็จะยิ่งแย่ลงทั้งกว่าเขาและกว่าเก่าของตนเอง เช่น อาจารย์สอนโดยมุ่งหาผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างฝรั่งมากขึ้น แต่ก็ทำงานอย่างสบายๆ แบบไทย ไม่มุ่งความเป็นเลิศของงาน ฝ่ายศิษย์ก็จะเอาความประพฤติเสรีอย่างฝรั่ง แต่ในทางการเรียนก็จะรอรับจากครูอาจารย์บอกให้ในห้องอย่างไทย ไม่กระตือรือร้นค้นคว้าคิดหาเอาเอง เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่อยากใช้ชีวิตแบบอิสระเสรี เป็นอยู่ฟู่ฟ่าหรูหรา แสดงท่าพูดภาษาอย่างฝรั่ง นำสมัย ใช้ของนอกของโอ่ อวดโก้โชว์กัน จัดจ้านฟุ้งเฟ้อ แต่เฝ้ารบเร้าบีบบังคับขอเงินพ่อแม่มาใช้ ไม่ออกรับจ้างขายของทำงานหาเงินกันเองอย่างเด็กลูกฝรั่ง ถ้าเป็นอย่างนี้ก็มีแต่ทรุดแน่ๆ เพราะคอยเลือกเอาแต่ข้างที่สนองตัณหาของตน

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< ค่านิยมที่ลึกซึ้งถูกเมิน ที่ตื้นเขินแผ่เข้ามาหัวเป็นไทย ให้คิดอย่างฝรั่ง >>

No Comments

Comments are closed.