เรื่องล่าสุด “คำให้การ พันเอกบรรจง”

1 มกราคม 2545
เป็นตอนที่ 1 จาก 9 ตอนของ

ตอน ๑ ล่าสุด
“คำให้การ พันเอกบรรจง”

 

พ.อ. บรรจง กล้าให้การเท็จแม้แต่กับผู้บังคับบัญชาในกองทัพ แล้วจะมีการเท็จการร้ายอะไรที่เขาจะทำไม่ได้

ในระยะ ๒-๓ ปีมานี้ มีนายทหารทุจริตกลุ่มหนึ่ง ใช้ชื่อชมรมเถื่อนว่า ชาวพุทธสามเหล่าทัพ มี พ.อ. บรรจง ไชยลังกา เป็นหัวหน้า ซึ่งที่จริงเป็นกลุ่มคนที่ทำลายพระพุทธศาสนา แต่สวมหน้ากากทำเป็นว่ารักพระพุทธศาสนา คนกลุ่มนี้ได้ปั้นแต่งเรื่องเท็จใส่ร้ายพระสงฆ์และชาวพุทธหลายท่าน พวกเขาได้เผยแพร่หนังสือเท็จ และเดินทางเที่ยวหลอกลวงพระสงฆ์และญาติโยมชาวบ้านในชนบทไปทั่ว

ว่าตามจริง นายทหารทุจริตพวกนี้เผยแพร่เรื่องเท็จทั้งในเมืองในกรุงและต่างจังหวัด แต่ชาวเมืองชาวกรุงรู้ทันคนร้ายพวกนี้ อ่านแล้วก็หัวเราะอย่างที่บางคนเรียกว่าเรื่อง “โจ๊ก”

แม้ว่าคนในเมืองในกรุงจะไม่เชื่อเขา แต่ชาวบ้านห่างไกลบางแห่งยังตามไม่ทันเรื่องทหารทุจริต จึงควรเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องให้ถึงท้องถิ่นชนบท

ต่อมา หนังสือ ขอคำตอบจาก ผบ.ทหารสูงสุด ได้ออกมาชี้วิธีปั้นแต่งเรื่องเท็จของนายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง ไชยลังกา อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่าหนังสือที่เขาแต่งเองก็ดี ที่ใช้ชื่อว่า ดร. เบญจ์ บาระกุล ที่เขาเที่ยวเผยแพร่ก็ดีนั้น ทุกเล่มมีแต่เรื่องเท็จทั้งนั้น (ดู ตอน ๓ ของหนังสือนี้ หน้า ๗๙ เป็นต้นไป)

เมื่อชี้เรื่องเท็จของคนพวกนี้ชัดเจนแล้ว พวกเขาก็หมดทางไป เรื่องเท็จต่างๆ ที่เขาปั้นแต่งไว้ในหนังสือ ๓-๔ เล่มก่อนนี้นั้น คนรู้ทันแล้ว เขาจึงต้องหลบเลี่ยง ไม่กล้าพูดถึงอีก

เมื่อเขาหมดทางไปอย่างนี้แล้ว เราจึงบอกว่า ต่อจากนี้เขาจะทำได้ก็เพียงต้องพูดเรื่องเท็จแบบโต้งๆ หรือพูดเท็จเอาดื้อๆ คือพูดปดซึ่งหน้า และเราก็ไม่จำเป็น จะต้องชี้ข้อเท็จอะไรเพิ่มเติมอีก สิ่งที่เขาทำไว้เป็นเรื่องเท็จเก่าๆ ที่เขาปั้นแต่งมานั้น มันฟ้องอยู่แล้วว่า เขาเป็นนักหลอกลวงเท่านั้นเอง เราไม่ต้องตามไปชี้แจง หรือบอกว่าแต่ละเรื่องเป็นอย่างไรๆ ให้เสียเวลา เพราะญาติโยมรู้ทันวิธีเท็จของเขาแล้ว พอเขาพูดอะไรขึ้นมา ชาวบ้านก็รู้ทันว่าคนพวกนี้หลอกลวงอีกแล้ว

ยิ่งกว่านั้น ญาติโยมยังได้รู้ด้วยว่า คนพวกนี้เอาวิธีรบนอกแบบ คือ การรบด้วยวิธีเท็จทุจริต ไร้ธรรม ไร้สัจจะ ที่พวกเขาชำนาญ ออกมาใช้เพื่อทำลายพระพุทธศาสนา

เพื่อทวนความจำ ขอย้อนไปยกตัวอย่างวิธีปั้นแต่งเรื่องเท็จที่เขาทำไว้แล้วในหนังสือเล่มก่อนๆ ของเขา เช่น เปิดโปงขบวนการล้มพุทธ เอามาย้ำกันอีกหน่อย

เขาใช้วิธีจับโน่นชนนี่แล้วก็ปั้นแต่งเรื่องเท็จขึ้นมา หรือเอาเค้าเรื่องจริงบางอย่างขึ้นมาตั้ง แล้วก็บิดเบือนปั้นแต่งเรื่องเท็จขึ้นใหม่ใส่เติมเข้าไป

ยกตัวอย่าง มี เรื่องจริง ครั้งหนึ่งว่า

ก. เมื่อปี ๒๕๑๕ พระธรรมปิฎก เดินทางไปต่างประเทศ

ข. ในการเดินทางครั้งนั้น พระธรรมปิฎก ไปกับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ และเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ (ขณะนั้น เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมและชั้นเทพ) รวมเป็น ๓ องค์ เพื่อไปบรรยายที่ มหาวิทยาลัยเพนน์ซิลวาเนีย แล้วก็ไปตามคำนิมนต์ของรัฐบาลอเมริกันเพื่อเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยที่มีการสอนพระพุทธศาสนา และอาเซียอาคเนย์ศึกษา

จากเรื่องจริงนี้ คน/นายทหารทุจริตกลุ่มพวก ดร. เบญจ์-พ.อ. บรรจง จับเอา เรื่องจริงท่อน ก. ขึ้นตั้งเป็นเค้า ตัดเรื่องจริงท่อน ข. ทิ้งไป แล้วก็แต่งเรื่องเท็จ ใหม่ขึ้นมาแทนว่า เมื่อปี ๒๕๑๕ พระธรรมปิฎก ไปต่างประเทศ โดยได้รับทุนจากองค์กรคริสต์ หรือคอมมิวนิสต์เพื่อไปประชุมสัมมนา

ตัวอย่าง เรื่องจริง อีกครั้งหนึ่งว่า

ก. หลังปี ๒๕๑๕ พระธรรมปิฎกเคยไปสอนในต่างประเทศอยู่ระยะหนึ่ง

ข. แต่ใน พ.ศ. ๒๕๒๓ พระธรรมปิฎกอยู่ในประเทศไทย (กลับจากต่างประเทศนานแล้ว) และเขียนหนังสือธรรมอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ ตามปกติ

คน/นายทหารทุจริตกลุ่มพวก ดร. เบญจ์-พ.อ. บรรจง จับเอาท่อน ก. ขึ้นตั้งเป็นเค้า แล้วตัดท่อน ข. ทิ้งไป และแต่งเรื่องเท็จขึ้นมาแทนว่า พระธรรมปิฎก หนีคดีคอมมิวนิสต์ไปอยู่ต่างประเทศ จนกระทั่ง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกประกาศนิรโทษ พระธรรมปิฎกจึงกลับเมืองไทยได้ในปี ๒๕๒๓

เรื่องหนังสือ พุทธธรรม เขาก็เอามาตัดต่อให้คนเข้าใจผิดต่างๆ นานา แต่พอเราเอาของจริงมาเปิดเผย คนก็รู้ชัดว่าคนพวกนี้ทุจริต-หลอกลวงอย่างไร

เวลานี้ คนที่ตามเรื่องมาเรื่อยๆ รู้ทันคนพวกนี้หมดแล้ว เขาจึงหมดทางไป อย่างที่บอกข้างต้น

ทีนี้ เขาก็ใช้วิธีพูดเท็จซึ่งหน้า พูดเท็จดื้อๆ ซึ่งบอกแล้วว่าเราไม่จำเป็นจะต้องมาตามชี้วิธีเท็จของเขาอีก แต่หลังจากนั้น เมื่อเขาออกหนังสือมาอีก ชื่อว่า เอกสารประกอบการพิจารณาเพื่อลงสังฆมติ เราก็ถือโอกาสชี้ข้อเท็จของเขาเพิ่มอีก เป็นของแถมให้ญาติโยมชาวบ้านรู้ทันชัดยิ่งขึ้นไปอีก

ล่าสุดนี้เขาออกหนังสือชื่อ คำให้การ พ.อ. บรรจง ไชยลังกา ซึ่งก็เป็นเรื่องพูดเท็จด้านๆ อีก ไม่จำเป็นต้องชี้แจง

แต่ไหนๆ เขาใช้ว่า “คำให้การ” ก็เลยคิดว่าคราวนี้ยิ่งดีใหญ่ ญาติโยมชาวบ้านจะได้เห็นว่า แม้แต่จะให้การ เขาก็ให้การเท็จ ขนาดให้การต่อผู้บังคับบัญชาของเขาเอง เขายังกล้าพูดเท็จ กล้าแต่งเรื่องหลอกแม้แต่ผู้บังคับบัญชาในกองทัพของเขาเอง แล้วเขาจะไม่โกหกคนอื่นได้อย่างไร

นอกจากนั้นก็จะได้เห็นสมจริงอย่างที่พูดไปแล้วว่า คนพวกนี้หมดทางไปแล้ว ต่อไปนี้เขาไม่มีทางทำอย่างอื่น นอกจากจะพูดปดซึ่งหน้า และแต่งเรื่องเท็จเอาดื้อๆ

ก็เลยจะเอา คำให้การ พ.อ. บรรจง ไชยลังกา มาชี้ข้อเท็จให้ดูอีก ซึ่งคราวนี้เห็นได้ง่ายมาก (เอาเฉพาะเรื่องที่เขาใส่ร้ายพระธรรมปิฎก เรื่องคนอื่นจะไม่เกี่ยวข้อง เพราะเป้าของเขาอยู่ที่พระธรรมปิฎก เพียงแต่ว่าเขาพยายามโยงไปหาคนอื่น ตามวิธีจับโน่นชนนี่)

แต่เหตุสำคัญที่สุด ที่ทำให้ต้องชี้ข้อเท็จของนายทหารทุจริตพวก พ.อ. บรรจง คราวนี้ ก็เพราะคนพวกนี้มุ่งทำลายพระธรรมวินัย ที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นภัยอันตรายยิ่งใหญ่ร้ายแรงที่สุด จะละเลยปล่อยผ่านไม่ได้ ต้องให้ชาวบ้านรู้ทันทั่วกัน

(อนึ่ง เพื่อความสะดวก ญาติโยมจะได้ทราบเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยโดยตลอด จึงนำเอาหนังสือ ๒ เรื่องก่อนๆ มาพิมพ์รวมไว้ในเล่มเดียวกันนี้ด้วย เป็น ตอน ๒ และ ตอน ๓ โดยจัดลำดับแบบย้อนหลัง เอาเรื่องเก่าไว้ท้ายสุด)

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป– ๑ – เรื่องที่เขาใส่ร้าย เราเอาไปเผยแพร่ให้ด้วย >>

No Comments

Comments are closed.