รู้ทันคนร้าย รู้ทันนายทหารทุจริตแล้ว รู้เท่าถึงเหตุการณ์ที่เป็นมาด้วย จะช่วยให้ชาติและพระศาสนายืนยง

1 มกราคม 2545
เป็นตอนที่ 9 จาก 9 ตอนของ

รู้ทันคนร้าย รู้ทันนายทหารทุจริตแล้ว
รู้เท่าถึงเหตุการณ์ที่เป็นมาด้วย จะช่วยให้ชาติและพระศาสนายืนยง

นอกจากนี้ นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง ได้อ้างในหนังสือ คำให้การฯ ของเขา (หน้า ๒๒) ว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๘ บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธิในทางศาสนา”

ที่เขาอ้างแบบนี้ก็อ้างแบบหลอกลวงอีก เพราะที่รัฐธรรมนูญว่ามีเสรีภาพในการนับถือศาสนานั้น ไม่ใช่หมายความว่า เขาจะมีเสรีภาพในการมาบิดเบือนหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา เขามีสิทธินับถือ ถ้าเขาเห็นด้วย ถ้าเขาไม่เห็นด้วย เขาก็ไม่ต้องนับถือ

เหมือนอย่างว่าใครอยากเข้าเรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย เมื่อตัวมีคุณสมบัติ ก็มีสิทธิไปเข้า แต่เมื่อเข้าไปแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามกฎกติกาของที่นั้น ไม่ใช่จะไปอ้างว่ามีเสรีภาพที่จะทำอะไรกับที่นั้นตามที่ตนชอบใจ

แต่นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง นี้ ทำเป็นอ้างเสรีภาพในการนับถือศาสนา แล้วกลับนำเอาหลักพระพุทธศาสนาไปบิดเบือน ไปหลอกลวงชาวบ้านว่า พุทธศาสนาสอนอย่างโน้นสอนอย่างนี้ ซึ่งไม่ใช่คำสอนของพระพุทธศาสนา อย่างนี้ไม่ใช่เป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแต่ประการใด พวก พ.อ. บรรจง จะมาอ้างไม่ได้เป็นอันขาด

อย่าว่าแต่อ้างหลักฐานอะไรอื่น แม้แต่อ้างรัฐธรรมนูญ เขาก็ยังอ้างเพื่อหลอกลวง อ้างกองทัพไทย ก็อ้างเพื่อใช้เป็นฐานทำการทุจริต ที่จะปั้นแต่งเรื่องเท็จหลอกลวง

แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือการอ้างพระไตรปิฎก บิดเบือนหลักธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก ต้มยำย่ำยีพระไตรปิฎก เรื่องอื่นเราถือเป็นเรื่องขำได้ แต่เรื่องของหลักพระศาสนานี้จะขำไม่ได้ จำเป็นที่ชาวพุทธจะต้องรู้ทัน และรักษาไว้

นอกจากอ้างรัฐธรรมนูญแล้ว ตอนนี้เขายังมาอ้างความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปอ้างสถาบันมาเพื่อทำการเท็จอย่างนี้ ก็คือการทำร้าย หรือ ประทุษร้ายต่อพระองค์ท่านนั่นเอง ไม่ใช่ความจงรักภักดีแต่ประการใดเลย

เป็นอันว่า กลุ่มพวก พ.อ. บรรจง นี้ ดูไปแล้ว ก็จะย่ำยีทำร้ายกองทัพไทยด้วย ทำร้ายศักดิ์ศรีทหารด้วย ทำร้ายรัฐธรรมนูญด้วย ทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย และในที่สุดก็คือ ทำลายชาติและทำลายพระพุทธศาสนา

เวลานี้ มีข่าวนายทหารทำการทุจริตร้ายแรงต่างๆ ปรากฏออกมาบ่อยครั้งมาก จนมีคำที่เรียกกันว่า “ทหารแตกแถว” ประชาชนชาวบ้านได้ยินแล้วได้ยินอีกจนรู้กันทั่ว การที่นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง เอายศทหารเป็นเครื่องมือ และเอากองทัพไทยเป็นฐาน มาทำการบาปทุจริตนี้ มีแต่จะทำลายเกียรติภูมิของสถาบันทหารให้ตกต่ำลงไป ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศชาติของเราสูญเสียความมั่นคงไปด้วย

ญาติโยมชาวบ้านจะต้องช่วยรักษาสถาบันกองทัพไทยไว้ด้วย อย่างน้อยต้องแยกคนบาปร้ายออกไป และยกย่องสนับสนุนทหารผู้มีคุณธรรม ที่ซื่อสัตย์จริงใจต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทั้งด้วยวาจาและการกระทำ ซึ่งเชื่อได้ว่ายังมีอยู่มากท่าน แต่ทั้งนี้ วงการทหารเองก็จะต้องเคร่งครัดกวดขันวินัยและภูมิธรรมของทหารอย่างจริงจังด้วย

อนึ่ง หนังสือ คำให้การ พ.อ. บรรจง เขียนไว้เป็นตอนสำคัญของเขา (หน้า ๑๓) ว่า

“ข้าฯ ได้เข้าไปสืบพฤติกรรมของวัดพระธรรมกายว่า มีการกระทำอันเป็นภัยต่อสถาบันความมั่นคงของชาติ ดังที่คณะบุคคลดังกล่าวอ้างหรือไม่”

“คณะบุคคล” ที่ว่านี้ เขาระบุไว้หมายถึงพระธรรมปิฎกกับพวก ซึ่งเขาใส่ร้ายว่า พระธรรมปิฎกกล่าวหาว่า วัดพระธรรมกายทำการเป็นภัยต่อสถาบันความมั่นคงของชาติ นี่เป็นตัวอย่างของการที่เขาเบนประเด็น และบิดเบือนเรื่องราว

พระธรรมปิฎกไม่ได้พูดถึงเรื่องว่า วัดพระธรรมกายจะได้ทำการเป็นภัยต่อสถาบันความมั่นคงของชาติหรือไม่ อันนั้นเป็นเรื่องที่คนอย่างพวก พ.อ. บรรจง (แต่ต้องเลือกคนที่ซื่อสัตย์) นั่นแหละ จะต้องวิเคราะห์ออกมา

แต่ที่จริงแท้แน่นอนก็คือ พระธรรมปิฎกได้เขียนหนังสือ กรณีธรรมกาย ออกมา ซึ่งใครๆ ได้อ่านก็รู้เลยว่า ท่านไม่ได้มุ่งไปที่ตัวบุคคลหรือกลุ่มหรือวัด แต่ท่านพูดเรื่องหลักพระพุทธศาสนา ว่าพระธรรมวินัยเป็นอย่างไร

สาระของเรื่องก็คือ เมื่อฝ่ายเผยแผ่ของวัดพระธรรมกาย ได้เผยแพร่คำสอนที่ไม่ตรงตามหลักพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะก็จะให้ชาวบ้านหลงเข้าใจว่านิพพานเป็นอัตตา ด้วยวิธีพูดให้สงสัยสับสนต่อพระไตรปิฎกและคัมภีร์พุทธศาสนา ตลอดจนยกเอาความเห็นของคนบางพวกมาอ้าง ทำนองข่มทับให้ชาวบ้านเสียความมั่นใจต่อพระไตรปิฎกนั้นอีกด้วย พระธรรมปิฎกจึงได้นำหลักพระธรรมวินัยมาชี้แจง พร้อมทั้งได้ขอร้องให้ฝ่ายนั้นเห็นแก่พระศาสนา ขอให้เขาเห็นแก่หลักพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง

ก็ได้ว่ากันไปตรงๆ อย่างนี้ โดยเฉพาะก็เริ่มตั้งแต่เรื่องนิพพาน-อนัตตา นี่แหละ ดังที่พวกพ.อ. บรรจง เอามาบิดเบือนในหน้า ๑๒ ของหนังสือ คำให้การฯ ของเขา

นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจงทำการทุจริตเรื่องนี้กันมานานนับว่าหลายปีแล้ว วิธีการของพวกเขาเรียกง่ายๆ ว่าเป็นการทำเท็จทุจริตซ้ำซาก แม้ว่าพระจะไม่ทำร้ายตอบเขา ไม่ทำแม้แต่ฟ้องร้องโรงศาลตามสิทธิของพลเมืองไทย และยังหวังให้เขาสำนึกถึงคุณธรรมความดีที่จะกลับตัวกลับใจ ให้เป็นบุญกุศลอีกด้วย

แต่นั้นเป็นด้านของคนร้าย สิ่งที่สำคัญแท้จริง ก็คือตัวของชาวพุทธเรานี้เอง ซึ่งต้องย้ำต้องเน้นกันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เรื่องทั้งหมดอยู่ที่ต้องมีความรู้เข้าใจ พอที่จะไม่ให้คนร้ายฉวยโอกาสมาหลอกได้ ชาวพุทธจะต้องใฝ่ศึกษาหาความรู้ และฝึกการคิดพินิจพิจารณ์ ต้องรู้หลักสำคัญและคำสอนพื้นฐานของพระพุทธศาสนา มีความเชื่อถือเป็นสัมมาทิฏฐิ และใส่ใจปฏิบัติ โดยมีความรู้เท่าทันเหตุการณ์สถานการณ์รอบตัวพร้อมไปด้วย

ถ้าชาวพุทธมีคุณสมบัติอย่างนี้ ก็จะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ พร้อมกับที่ตนเองก็มีชีวิตดีงามสดใส วัดก็เป็นศูนย์รวมใจขยายปัญญา ชุมชนก็ก้าวหน้างอกงาม และสังคมประเทศชาติก็ร่มเย็นมั่นคงมีสันติสุข

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< เพราะเจตนาร้าย บวกความเท็จทุจริต และการขาดความกล้าหาญ เขาจึงต้องแอบอ้างสถาบันสำคัญมาทำการอันน่าละอาย

No Comments

Comments are closed.