พ.อ. บรรจงจะตั้งพระธรรมปิฎกเข้าตำแหน่งในองค์กรศาสนา ด้วยเจตนาร้าย ก็จงใจปัดสหภูมิสงฆ์สุพรรณทิ้งไป

1 มกราคม 2545
เป็นตอนที่ 23 จาก 26 ตอนของ

พ.อ. บรรจงจะตั้งพระธรรมปิฎกเข้าตำแหน่งในองค์กรศาสนา
ด้วยเจตนาร้าย ก็จงใจปัดสหภูมิสงฆ์สุพรรณทิ้งไป

ถ้าจะพูดถึงการปั้นแต่งเรื่องเท็จของนายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง นี้ให้ครบ หนังสือก็จะจบได้ยาก และยืดยาวเกินจำเป็น เพราะเขาเท็จไปทุกเรื่อง จึงจะยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างเบ็ดเตล็ดอีกเพียงเล็กน้อย

อย่างที่เคยพูดในหนังสือ ขอคำตอบจาก ผบ. ทหารสูงสุด แล้วว่า เมื่อครั้งที่ชาวพุทธเคลื่อนไหวในปี ๒๕๒๕ เพื่อปลุกให้รู้กันเกี่ยวกับนโยบายการประชุมใหญ่ของวาติกัน นั้น นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง นี้ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

แต่ในหนังสือเล่มใหม่ของเขา คือ เอกสารประกอบการพิจารณาเพื่อขอมติสงฆ์ เขานำเอกสารเกี่ยวกับนโยบายของวาติกัน ที่เปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทยได้พิมพ์แจกนานแล้ว เอามาพิมพ์ใส่ไว้ด้วย คือพวกนี้ไปเอาเอกสารเก่าๆ ซึ่งเราชาวพุทธทำกันตอนนั้น มาใช้สนองเจตนาทุจริตของเขา

ที่น่าแปลกก็คือ ใน เอกสารเล่มนี้ เขาพูดแบบยกย่องเปรียญธรรมสมาคม ซึ่งกลายเป็นการฟ้องหรือสารภาพความทุจริตของเขาเองอีก เพราะอะไร เพราะว่าในหนังสือที่พวกเขาแจกเล่มก่อนๆ เขาด่าคนในเปรียญธรรมสมาคมบางคน โดยจัดคนนั้นเข้าเป็นพวกวาติกัน เขาไม่รู้ว่าคนที่เขาด่าครั้งนั้น ก็คือคนที่จัดทำเอกสารนี้ให้เปรียญธรรมฯ ซึ่งคราวนี้เขายกย่อง นี่ก็ชัดว่าเขาคิดแต่เรื่องจะหลอกจะทุจริต เลยจับโน่นชนนี่ ปั้นแต่งเรื่องเท็จใส่เข้าไปๆ ผิดๆ ถูกๆ

อีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งน่าขำ แต่แสดงชัดถึงเจตนาร้ายชัดเจนคือ นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง ทำรายการข้อมูลเกี่ยวกับพระธรรมปิฎก เขียนบอกว่าตำแหน่งในองค์กรศาสนา อยู่ในคณะที่ปรึกษาคณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา

ถ้าจะจัดเป็นตำแหน่งในองค์กรศาสนา พระสุพรรณฯ ก็บอกได้ว่า ตำแหน่งในองค์กรศาสนานั้น ระบุที่พระธรรมปิฎกเป็นกรรมการที่ปรึกษาสหภูมิสงฆ์สุพรรณบุรี-กรุงเทพฯ จะถูกต้องกว่า แม้ว่าที่สหภูมิสงฆ์สุพรรณฯ นี้ พระธรรมปิฎกจะยังไม่เคยไปประชุมหรือไปทำอะไรด้วยเลยก็ตาม

กรรมการที่ปรึกษานั้น ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า ตามปกติเกี่ยวข้องในกิจการนั้นๆ น้อยมาก มักจะขอชื่อใส่ๆ กันไป บางทีก็ใส่ไว้แบบกึ่งวิสาสะ และรายชื่อก็เปลี่ยนไปๆ ที่คณะกรรมการต่างๆ มากมาย บางแห่งเจ้าตัวก็ไม่รู้และไม่ได้ตามดูว่า ที่บางครั้งมีชื่อเป็นที่ปรึกษา และบางครั้งไม่มีนั้น เวลานี้มีอยู่หรือไม่

การที่นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง จงใจจำเพาะที่คณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา แถมจัดให้เสียด้วยว่าเป็นตำแหน่งในองค์กรศาสนา จึงยิ่งทำให้ผู้รู้ทั้งหลายมองเห็นชัดว่า พวกเขาทำการนี้ด้วยเจตนาร้าย มุ่งเพียงจะหาทางทั้งเรื่อง ทำให้ดูขึงขัง เพื่อจะโยงเอาเรื่องเท็จมาใส่ความ

อย่างไรก็ตาม จะมีชื่อเป็นที่ปรึกษาหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า คณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนานั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นายทหารทุจริตกลุ่ม พวก พ.อ. บรรจง พยายามสร้างภาพให้เป็น และที่แน่นอนคือ ไม่ปรากฏว่าได้ทำการเท็จทุจริตเป็นที่ประจักษ์เหมือนอย่างนายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง นี้

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< จะรักษาพระศาสนา ต้องชูธรรมสู้หน้าเขา ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้ารักษาตัวนายทหารไทยไปเรียนเมืองฝรั่ง ว่าเขาเป็นลูกศิษย์คริสต์ จะใช่หรือ >>

No Comments

Comments are closed.