พระไม่ฟ้องร้อง ไม่เป็นคดีความกับใครๆ ที่จะแก้ไขจัดการ ก็เพื่อเห็นแก่พระศาสนาและประชาชาวบ้าน

1 มกราคม 2545
เป็นตอนที่ 7 จาก 26 ตอนของ

พระไม่ฟ้องร้อง ไม่เป็นคดีความกับใครๆ
ที่จะแก้ไขจัดการ ก็เพื่อเห็นแก่พระศาสนาและประชาชาวบ้าน

ได้ยินว่า มีผู้ใหญ่หรือผู้บริหารบางท่านพูดว่า พระถูกนายทหารนี้ใส่ร้าย ก็น่าจะฟ้องร้องโรงศาลเอา

ท่านที่พูดอย่างนี้ นอกจากไม่ทราบหลักธรรมวินัยข้างต้น ที่ว่าพระไม่ฟ้องร้องเป็นความกับใครแล้ว ยังมีความเข้าใจผิดพลาดหรือคับแคบอีก ๒ ประการ คือ

๑) มองว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งหรือความเสียหายส่วนตัว ซึ่งได้อธิบายข้างต้นแล้วว่า การลงทุนทำร้ายพระธรรมปิฎกทั้งหมดนี้ เป้าหมายที่แท้ของเขาอยู่ที่จะทำลายหลักแห่งพระพุทธศาสนา (พระธรรมปิฎกไม่ได้มีเรื่องราวอะไรกับคนกลุ่มนี้ ไม่รู้จักและไม่เคยพบหน้าค่าตาคนพวกนี้เลย)

๒) มองว่าเมื่อใครมีปัญหากัน ก็ควรจะฟ้องร้องกันเอาเอง ซึ่งเป็นการมองในกรอบความคิดของการพิทักษ์สิทธิ์ในระบบตัวใครตัวมัน

การพิทักษ์สิทธิ์ในระบบตัวใครตัวมันด้วยวิธีการของกฎหมาย ก็เป็นความเจริญของมนุษย์ในระดับหนึ่ง แต่ในสังคมที่เจริญกว่านั้น มนุษย์จะรู้จักรับผิดชอบและเอาใจใส่ที่จะแก้ไขกำจัดความชั่วร้ายและสร้างสรรค์ส่งเสริมสิ่งที่ดีงาม เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม โดยถือภารกิจนี้เป็นเรื่องสำคัญ

อนึ่ง ขอทำความเข้าใจไว้ก่อนว่า ในหนังสือนี้ ขออภัยด้วยที่บางทีต้องใช้สำนวนแบบชาวบ้านคล้ายกับจะรุนแรงบ้าง ที่ทำอย่างนั้น ขอให้เข้าใจว่าเป็นการพูดกับคนทั่วไป ที่ต้องใช้สำนวนให้อ่านกันเข้าใจง่ายๆ เพื่อสื่อกันได้สะดวก

อีกอย่างหนึ่ง พึงทราบว่า จำเป็นต้องใช้ข้อความซ้ำๆ ว่า “นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง” ทั้งนี้ด้วยมีเหตุผลว่า ชาวบ้าน เมื่อเห็นชื่อยศตำแหน่งนายทหาร ว่าเป็นถึง “พันเอก” ก็มักมีความโน้มเอียงที่จะเชื่อถือและเกรงกลัว จึงต้องใช้ข้อความนี้ตอกย้ำไว้เรื่อยๆ เพื่อให้ชาวบ้านแม่นชัดในภาวะทุจริตที่เป็นจริงของเขา

ธรรมดาของทหารนั้น ไม่เหมือนอย่างพระสงฆ์ ในเรื่องที่ว่า พระภิกษุมีการนุ่งห่มเป็นแบบแผนชีวิตของท่านโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวทำกิจกรรมอะไร ก็อยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ตลอดเวลา แต่ทหารมิใช่อยู่ในเครื่องแบบตลอดเวลา แต่จะแต่งเครื่องแบบนั้นในบางกรณีบางโอกาส

ดังนั้น การที่นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง แต่งเครื่องแบบเที่ยวแจกหนังสือเท็จ จึงเป็นการจงใจที่จะใช้เครื่องแบบนายทหารเป็นเครื่องมือสร้างความเชื่อถือ และจึงเป็นการสมควรที่จะให้ชาวบ้านรู้ทันวิธีการนั้น เพื่อมิให้หลงเชื่อถือ

จึงขออภัยกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง ด้วย และขอร้องว่า เมื่อท่านทำกรรมอันเป็นบาปทุจริตแล้ว ท่านต้องอดทนบ้าง เพื่อเห็นแก่ญาติโยมชาวบ้านที่จะได้รู้ความจริงและเข้าใจชัดเจน จะได้ไม่เกิดภัยอันตรายแก่พระพุทธศาสนา

ที่จริง ความจริงคือสัจจะนั้น เป็นเหมือนน้ำบริสุทธิ์ที่จืดสนิท เป็นของอ่อนโยนชื่นใจแก่คนสุจริต แต่อาจจะรุนแรงแก่คนทุจริต

พร้อมกันนั้น ญาติโยมชาวบ้านก็ต้องเข้าใจด้วยว่า นายทหารผู้เป็นข้าราชการที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต รักชาติ รักพระศาสนา ภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ ก็มีอยู่จำนวนมาก และเราก็หวังให้นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง มีจิตสำนึกที่จะกลับตัวกลับใจหันมาประพฤติในทางที่ชอบธรรม

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< ใจมีเมตตา แต่ต้องปฏิบัติจัดการด้วยปัญญากลุ่มพวก พ.อ. บรรจง เป็นนายทหาร “ทุจริต” อย่างไร >>

No Comments

Comments are closed.