ที่ใครว่าพระเจ้าเป็นอนัตตา คริสต์ไม่เอาด้วยหรอก คริสต์ตัวจริง คือที่ว่านิพพานเป็นอัตตา

1 มกราคม 2545
เป็นตอนที่ 19 จาก 26 ตอนของ

ที่ใครว่าพระเจ้าเป็นอนัตตา คริสต์ไม่เอาด้วยหรอก
คริสต์ตัวจริง คือที่ว่านิพพานเป็นอัตตา

ใน เอกสารประกอบการพิจารณาฯ ของเขาฉบับนี้ หน้า ๙๐ นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง ได้นำเอา คล้ายๆ เป็นภาพตัดปกหนังสือถ่ายมา มีข้อความว่า “นิพพานคือดินแดนของพระเจ้าองค์เดียว ซึ่งเป็นอนัตตา” (มีตราประทับของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คงจะเป็นของห้องสมุด)

อันนี้ คือข้อมูลที่กลุ่มพวก พ.อ. บรรจง เอามาแสดง เพื่อจะให้คนเข้าใจผิด คิดว่าพระพุทธศาสนาสอนว่านิพพานเป็นอัตตา และให้หลงไปว่าทางฝ่ายคริสต์มาบอกว่านิพพานเป็นอนัตตา แต่ที่จริงคริสต์ไม่ได้ว่าอย่างนี้หรอก

อันนี้เป็นการที่กลุ่มพวก พ.อ. บรรจง ถูกอำพราง หรือไม่ก็เป็นการอำพรางของกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง ซึ่งเรื่องจริงนั้นตรงข้ามกับที่เขาว่า

มีเอกสารตัวจริงซึ่งแสดงเป้าหมายที่แท้ของคริสต์ กลุ่มพวก พ.อ. บรรจง อาจจะได้ไป แต่ขยักไว้ หรืออาจจะไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในวงการที่รู้เรื่องจริง จึงได้แค่เอกสารปลายแถว (คือได้เอกสารที่เหลืออยู่กระเส็นกระสายจากที่ชาวพุทธแจกกัน เมื่อ ๑๙ ปีก่อนโน้น) ถ้าได้ไปแล้วเขาก็เจตนาปกปิดไว้ ไม่ให้ประชาชนรู้ความจริง

เอกสารตัวจริงที่บอกเป้าหมายที่แท้ของคาทอลิกนั้น ก็มีทั้งในหนังสือของ ดร. กีรติ บุญเจือ และในวารสารแสงธรรมปริทัศน์ สมัย พ.ศ. ๒๕๒๕ นั่นแหละ ในระยะมีเรื่องที่ชาวพุทธเราลุกขึ้นมาเคลื่อนไหว บอกกล่าวกันให้รู้การกระทำของบาทหลวง เป็นต้น ตามนโยบายของการประชุมใหญ่วาติกันที่ ๒ (Vatican Council II)

ทางคริสต์ที่เขาพยายามกลมกลืนหรือจะครอบพระพุทธศาสนานั้น ในเรื่องพระนิพพาน เขาทำ ๒ วิธี คือ

๑. เขาพยายามทำให้นิพพานเป็นอัตตา เหมือนพรัหมันของพราหมณ์หรือฮินดู

๒. เขาพยายามพูดให้เห็นเป็นว่า พระพุทธศาสนาสอนได้แค่อนัตตา แต่คริสต์ไปถึงอัตตาที่เหนือกว่านั้น

วิธีที่ ๑. จะเห็นตัวอย่างได้ในหนังสือชื่อ ปรัชญาอินเดียฯ ของ ดร. กีรติ บุญเจือ ดังข้อความ (หน้า ๑๐๑) ว่า “พรัหมัน ภาวะที่เป็นอัตตาใหญ่ครอบคลุมอัตตาย่อยทั้งหลาย….สวรรค์ (ของคริสต์ศาสนา) จึงน่าจะเป็นเรื่องเดียวกันกับนิพพานและพรัหมัน…”

วิธีที่ ๒. ดูได้ในวารสารแสงธรรมปริทัศน์ ซึ่งมีหน้าหรือคอลัมน์ที่ว่าด้วย “แนวการอธิบายคริสต์ศาสนาแก่ชาวพุทธ โดยใช้ศัพท์และหลักธรรมของพุทธศาสนา”

คราวหนึ่งเขาก็ยกเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขึ้นมาบอกว่า ของคริสต์ก็มี แต่เสร็จแล้ว คริสต์พูดไปๆ บอกว่า อนิจจัง คริสต์ก็สอน ทุกขัง คริสต์ก็สอน อนัตตา คริสต์ก็สอน แต่ของคริสต์นั้นเหนืออนัตตามีอัตตา อัตตานั้นเป็นสูงสุด

อย่างในนิตยสารของโบสถ์นักบุญยอแซฟ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ฉบับที่ ๘๗๓-๘๘๓, ๗ ก.ย.-๑๖ พ.ย. ๒๕๒๓ ก็มี ดังที่เขาเขียนว่า “พระเจ้าทรงใช้พระธรรมสร้างทุกสิ่ง…พระธรรมนั้นมาเกิดเป็นมนุษย์แท้ (หมายถึงพระเยซู) พระธรรมองค์นิจจัง สุข อัตตา มาเกิดเป็นมนุษย์ซึ่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อมนุษย์จะได้รับสภาพ นิจจัง สุข อัตตา จากพระธรรม พระธรรม (คือพระเยซู) เป็นบุตรองค์เดียวของพระเจ้า…อัตตาใหม่ที่ได้รับนี้พ้นจากบาป..เมื่อคริสตชนถึงแก่ความตาย อนัตตาก็สูญสิ้นไป เหลือแต่อัตตาในโลกุตตระ ซึ่งเป็นนิจจังและสุขอย่างสมบูรณ์…”

นี่แหละคือลัทธิของคริสต์ที่แท้จริง สอนให้ถืออัตตาอย่างนี้ เพราะคริสต์ถึงอย่างไรก็เป็นลัทธิแบบเดียวกับพรัหมันหรือปรมาตมัน เขายอมรับอนัตตาไม่ได้หรอก เขานับถืออัตตาคืออาตมันใหญ่ อัตตาสูงสุด เขาจะต้องถือว่าเขามีอัตตา ซึ่งเป็นลัทธิที่ตรงข้ามกับพุทธศาสนา

ใครที่พยายามเอานิพพานเป็นอัตตา ก็เห็นได้ชัดเลยว่าเข้าแนวเดียวกับศาสนาคริสต์ นี่แหละจะให้เชื่อว่ากลุ่มพวก พ.อ. บรรจง มีความจริงใจได้อย่างไร มีแต่จะต้องถามว่า พวกเขาทำการเท็จทุจริตนี้ทำไม ถ้าไม่ใช่เพื่อทำลายพระพุทธศาสนา และจะไม่ให้เราชาวพุทธมีสิทธิสงสัยได้อย่างไรว่า นายทหารทุจริตกลุ่มพวกนี้ทำงานสนองนโยบายของศาสนาอื่นหรือไม่

นี่แหละที่เขาเอานโยบายวาติกันที่ ๒ มาใช้ ขอให้ไปอ่านกันให้ได้ตัวจริง ควรจะต้องพิสูจน์ให้ชัด

พิสูจน์ความเป็นทหารหาญ ว่าจะเป็นผู้กล้าหาญจริงหรือไม่ ถ้ากล้าจริง เมื่อผิดก็ต้องยอมรับว่าผิด แล้วแก้ไขตัว เพื่อศักดิ์ศรีของตนเองก็ตาม เพื่อเกียรติภูมิของสถาบันกองทัพไทยก็ตาม และเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติและพระศาสนาก็ตาม

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< พ.อ. บรรจง ถึงจะหมดทางไป ก็ไม่ควรเอาสถาบันทหารไทยมาเหยียบย่ำจับโน่นชนนี่โยงมาโยงไป จะทำลายธรรมที่เป็นหลักแกนใน เลยกลายเป็นประจานตัวว่าเป็นคนนอกศาสนา >>

No Comments

Comments are closed.