– ๑ – เรื่องที่เขาใส่ร้าย เราเอาไปเผยแพร่ให้ด้วย

1 มกราคม 2545
เป็นตอนที่ 2 จาก 9 ตอนของ

– ๑ –
เรื่องที่เขาใส่ร้าย เราเอาไปเผยแพร่ให้ด้วย

พ.อ. บรรจง ยิ่งแต่งเรื่องเท็จใส่ร้ายพระ
ก็ยิ่งประกาศความทุจริตของตัวให้ชาวบ้านเห็นง่ายขึ้น

เรื่องเท็จที่เขาปั้นแต่งขึ้นในหนังสือ คำให้การ พ.อ. บรรจง ไชยลังกา นั้น มีหลายเรื่องด้วยกัน ขอรวบรวมมา ว่าโดยสรุป ก็มีเรื่อง

๑. ว่าพระธรรมปิฎกได้ร่วมกิจกรรมกับนายสุลักษ์ ศิวลักษ์ (เขียนสะกดตัวตามเขา) จัดตั้งมูลนิธิโกมลคีมทอง ในปี ๒๕๑๔

๒. ว่าเขาได้รับคำยืนยันจาก ดร. นิพนธ์ ศศิธร ซึ่งตอนนั้นเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า พระธรรมปิฎกไปประชุมที่วัดอุโมงค์ถูกจับขึ้นรถกระบะไป

๓. ว่าพระธรรมปิฎกได้ร่วมตั้งและไปสอนที่คณะศาสนสัมพันธ์ ซึ่งนายสุลักษ์ ศิวลักษ์ และ นายประเวศ วสี ก็ร่วมตั้งและไปสอน มีวิชาบริหารทรัพย์สินของวัด

๔. ว่าวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๔ พุทธศาสนิกชนไทยทั่วประเทศรวมตัวกันหลายหมื่นคนที่หน้าทำเนียบรัฐบาล สนับสนุนให้แยกองค์กรพระพุทธศาสนาเป็นเอกเทศ ระยะนั้น พระธรรมปิฎกได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของกรมการศาสนา เก็บตัวเงียบไม่แสดงสนับสนุนมติมหาเถรสมาคมและพุทธศาสนิกชนโดยสิ้นเชิง

๕. ว่าพระธรรมปิฎก เป็นบุคลากรของคณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา (ศพพ.) ร่วมกันสร้างสถานการณ์กรณีธรรมกาย เพื่อเป็นเงื่อนไขออก พรบ.สงฆ์ เพื่อควบคุมพระพุทธศาสนา

๖. ว่าพระธรรมปิฎก ร่วมกับคนอื่น เช่นนายสุลักษ์ ศิวลักษ์ สร้างกระแสพุทธศาสนิกชนเห็นชอบในการออกพรบ.สงฆ์ใหม่ ซึ่งมีเนื้อหาสาระทำลายพระพุทธศาสนา โดยอ้างกรณีธรรมกายเป็นสาเหตุหลัก ผ่านรายการวิทยุธรรมะร่วมสมัย

๗. ว่ามีหลักฐานเทปบันทึกเสียงว่า ผู้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งมหาคณิสร คือพระธรรมปิฎก

๘. ว่าพระธรรมปิฎก ได้แอบเสนอชื่อท่านเองเพื่อเป็นพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จ

นี่คือเท่าที่รวมได้ ที่เขาเขียนปั้นแต่งเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระธรรมปิฎก ในหนังสือนี้ ที่ชื่อว่า คำให้การ พ.อ. บรรจง ไชยลังกา ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการให้การแก่ทางกองทัพที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเขา

คน/นายทหารทุจริตกลุ่มพวก พ.อ. บรรจง นี้ แต่งเรื่องเท็จไปๆ ก็คงย่ามใจว่าพวกตนเป็นนายทหาร มีอิทธิพล ไม่มีใครกล้ามาทำอะไร และจะพูดอย่างไรก็ได้ เพราะคนไทยเรามักไม่ชอบค้นหาตรวจสอบข่าวสารกัน ใครพูดมาอย่างไร ก็พูดตามกันไป เป็นเหยื่อพวกเขาได้ง่าย ก็เลยแต่งเรื่องเท็จได้เรื่อยๆ ตามสบาย ตอนแรกก็ใช้เทคนิคมากหน่อย แต่พอนานเข้าก็แต่งเอาง่ายๆ

แต่เรื่องเท็จนั้น ยิ่งเขาแต่งขึ้นมามากๆ คนก็ยิ่งมองเห็นความเท็จของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร เพราะว่าเรื่องราวแต่ละเรื่องหรือเหตุการณ์แต่ละอย่าง ก็มีคนเกี่ยวข้องรู้เห็นมากบ้างน้อยบ้าง เมื่อพูดขึ้นมา ถ้าไม่จริง คนที่ได้เกี่ยวข้องรู้เห็นก็จับได้ เมื่อพูดเรื่องเท็จหลายๆ เรื่อง คนที่รู้ว่าเท็จก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที จนในที่สุดคนก็รู้ทันหมด ไม่มีใครเชื่อถืออีก เหลือแต่คนโง่ที่เชื่อแค่ตามยศและเครื่องแบบของเขา

ตัวอย่างง่ายๆ เช่นเรื่องร่าง พรบ. คณะสงฆ์ ที่เขาเขียนว่า “จากหลักฐานเทปบันทึกเสียง พบว่าผู้สนับสนุนให้มีการจัดตั้ง “มหาคณิสร” คือ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) นั่นเองไม่ใช่อื่นไกล” (เขียนสะกดตัวผิดๆ ตามเขา)

เป็นธรรมดาว่าพระสงฆ์ที่ทำงานร่าง พรบ. นี้ก็มีหลายรูป และท่านก็รู้อยู่ว่าเรื่องเป็นมาเป็นไปอย่างไร ใครพูดใครทำอะไร พระสงฆ์เหล่านี้ พออ่านเจอข้อความที่พวก พ.อ. บรรจง เขียนไว้ตรงนี้ ท่านก็รู้ทันทีว่าคนพวกนี้พูดเท็จอย่างด้านที่สุด

เรื่องอื่นๆ ก็ทำนองเดียวกัน จึงได้พูดว่า ยิ่งเขาแต่งเรื่องเท็จมากขึ้น คนที่จับเท็จเขาได้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนในที่สุดคนก็รู้ทันทั่วไปหมด

จึงจะชี้ให้ดูกันอีกง่ายๆ จะได้รู้ว่าเขาหลอกลวงแม้แต่ผู้บังคับบัญชาของเขา เขาหลอกลวงแม้แต่กองทัพของเขาเอง แล้วจะไม่ให้เขาหลอกลวงคนอื่นได้อย่างไร

เรื่องที่ ๑ เขาบอกว่า พระธรรมปิฎก ร่วมกับนาย ส. ศิวลักษ์ ตั้งมูลนิธิโกมลคีมทอง ที่จริงก็พูดไปทีหนึ่งแล้ว ในหนังสือเล่มนี้เอง อ่านได้ในหน้า ๗๐-๗๑

พระธรรมปิฎกนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าชอบอยู่เงียบๆ ยิ่งเรื่องของคฤหัสถ์แล้วไม่เข้าไปยุ่งด้วย จะไปก็เฉพาะกิจนิมนต์เกี่ยวกับพระศาสนา สำหรับงานของมูลนิธิโกมลคีมทอง ที่ได้ไปเทศน์ในงานศพของโกมล คีมทอง ก็ไม่ทราบหรือจำไม่ได้ว่า เขาได้ตั้งมูลนิธิขึ้นมาหรือยัง และพระธรรมปิฎกก็ไม่รู้ชัดว่ามูลนิธินี้ใครตั้งกันบ้าง

เมื่อนายทหารทุจริตพวกนี้ใส่ร้ายมา ก็เลยลองสอบถามไปที่มูลนิธินั้น ก็ได้ความว่า ประธานกรรมการก่อตั้งมูลนิธิโกมลคีมทอง คือ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เรื่องเป็นอย่างนี้หรือไม่ ใครต้องการทราบก็ไปสืบค้นกันเอาเอง ไม่ยาก แต่จะเป็น อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ร่วมกับใครตั้งบ้าง พระธรรมปิฎกไม่ได้ใส่ใจด้วย

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< เรื่องล่าสุด “คำให้การ พันเอกบรรจง”เขาแต่งเรื่องใส่ร้ายเท่าไร เราก็เอามาพิมพ์เผยแพร่ให้ นายทหารร้ายจะได้ประจานความเท็จทุจริตของเขาได้เต็มที่ >>

No Comments

Comments are closed.