- นำเรื่อง
- – ๑ – แก้ความสับสน ให้เป็นความประสาน
- น่าแคลงใจ: การศึกษาปัจจุบัน สร้างสรรค์หรือทำลายสันติภาพ
- ปัญญาเดียวกัน แต่ต่างแหล่งเกิด
- ต้องจัดระบบและโครงสร้างให้ดี เพื่อให้ปฏิบัติการสื่อสารได้อย่างมั่นใจ
- ถ้าจะแก้ปัญหาของมนุษย์ให้ได้ ศาสตร์ทั้งหลายต้องข้ามพ้นความคิดแยกส่วน
- ถ้าจะแก้ปัญหาให้โลกมีสันติภาพ ต้องให้โลกที่ไร้พรมแดนประสานกับจิตใจที่ไร้พรมแดน
- ถ้าจะให้จิตใจไร้พรมแดน คนต้องเข้าถึงความเป็นสากลทั้งสามประการ
- ถ้าจะให้มนุษย์เข้าถึงความเป็นสากล คนต้องพัฒนาตนให้พ้นความคับแคบทั้งสามประการ
- บนฐานของภาวะจิตที่จำกัดแบ่งแยก มนุษย์ได้สร้างระบบสังคมที่รองรับความไร้สันติภาพ
- บนฐานของปัญญาที่รู้ความจริง เป็นส่วนๆ ด้านๆ ระบบทางสังคมที่มนุษย์จัดวาง ก็แยกเป็นหลายด้านอย่างไม่ประสาน
- เมื่อแนวคิดเศรษฐกิจที่ผิดแผกมาครอบงำประชาธิปไตย หลักการบางอย่างก็ต้องหล่นหาย หรือถ้าอยู่ได้ความหมายก็ต้องผันแปร
- ถ้าต้องการระบบประชาธิปไตยที่ดี ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากให้คนเป็นธรรมาธิปไตย
- ปัญญาที่จะจัดระบบสังคมของมนุษย์ ต้องอยู่บนฐานของปัญญาที่รู้ระบบสัมพันธ์ของธรรมชาติ
- – ๒ – ประสานนอกกับใน ให้เกิดความสมบูรณ์
- ระหว่างกำลังพัฒนาปัญญา ถ้าปัญญาเทียมเกิดขึ้นมา คนจะปิดกั้นตัวเองไม่ให้เข้าถึงความจริงแท้
- เมื่อไม่พบปัญญาที่แท้ อารยธรรมก็ถูกครอบงำด้วยปัญญาเทียม และการแสวงหาสันติภาพ ก็กลายเป็นการสร้างวิถีแห่งการทำลายสันติภาพ
- มนุษย์จะลุถึงสันติภาพแท้จริงได้ ต้องพัฒนาสันติภายในที่จะมาเป็นปัจจัยหนุนกันกับสันติภาพภายนอก
- การศึกษาช่วยให้พัฒนาสันติภายในขึ้นได้ เพราะทำให้ปัญญาที่เข้าถึงธรรมชาตินำเอาเมตตากรุณามาให้แก่คน
- ความขัดแย้งเริ่มต้นและขยายตัวจากที่ไหน การสร้างสันติภาพก็ตั้งต้นและพัฒนาจากที่นั่น
- จุดแยกเข้าสู่กระบวนการของการศึกษา ก็เป็นจุดแยกเข้าสู่กระบวนการพัฒนาสันติภาพ
- การศึกษาที่พัฒนาคนให้สร้างสันติภาพได้ ก็จะพัฒนาคนให้มีความสุขมากขึ้นด้วย
- สุขที่ก่อปัญหา ไม่อาจพาสันติภาพมาให้
- ถึงเวลาต้องเลือก: การศึกษาเทียมที่สนองกระแสสังคมสู่การทำลายสันติภาพ กับการศึกษาแท้ที่นำคนให้ก้าวออกมาทำการสร้างสรรค์
- ยุคปัจจุบัน ถ้าจะประเมินผลการศึกษา จุดสำคัญหนึ่ง คือดูที่ท่าทีและการปฏิบัติต่อเทคโนโลยี
- ถ้ายังไม่เข้าใจความหมายที่แท้ของชุมชนและสังคม คนก็จะใช้ชุมชนและสังคมนั่นแหละเป็นที่ทำลายสันติภาพ
- ชุมชนเพื่อแบ่งคนให้เป็นกลุ่มที่จะแยกจากกลุ่มอื่น ที่จะมาขัดแย้งแย่งชิงกัน หรือชุมชนเพื่อรวมคนให้เป็นกลุ่มย่อยที่จะเข้ารวมกันเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นๆ ต่อไป
- การศึกษาเพื่อสันติภาพหรือไม่ เริ่มเห็นได้ที่ในครอบครัว
- เมื่อการศึกษาเสียฐาน เทคโนโลยีก็กลายเป็นสื่อนำความก้าวหน้าในวิถีแห่งการทำลายสันติภาพ
- โลกปัจจุบันไม่มีคำตอบให้ แต่คำตอบนั้นหาได้ที่ในบ้าน และในหัวใจของทุกคน
- สรุป
เมื่อไม่พบปัญญาที่แท้ อารยธรรมก็ถูกครอบงำด้วยปัญญาเทียม และการแสวงหาสันติภาพ ก็กลายเป็นการสร้างวิถีแห่งการทำลายสันติภาพ
ทิฏฐินี้เป็นเรื่องใหญ่มาก มีผลกว้างไกล อยู่เบื้องหลังและเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของบุคคล วิถีของสังคม ตลอดจนอารยธรรมทั้งหมด ขณะนี้ปัญหาก็อยู่ที่เรื่องทิฏฐินี้มาก ยกตัวอย่างเช่นอารยธรรมตะวันตกเชื่อว่ามนุษย์จะประสบความสุขสมบูรณ์ต่อเมื่อพิชิตธรรมชาติได้ ทิฏฐินี้ได้เป็นฐานของอารยธรรมตะวันตกมา ๒๐๐๐ กว่าปีแล้ว และทำให้มนุษย์เจริญก้าวหน้า แต่ในที่สุดก็กลับทำให้มนุษย์ไม่สามารถมีสันติสุขที่แท้จริง เพราะว่าแนวคิดนี้ทำให้มนุษย์ทำลายธรรมชาติ จึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้มนุษย์สูญเสียสันติภาพ เพราะเมื่อทำให้ธรรมชาติแวดล้อมเสื่อมโทรม มนุษย์ก็เดือดร้อนวุ่นวายจะพลอยพินาศไปด้วย
อีกตัวอย่างหนึ่ง คือทิฏฐิที่เห็นว่าความสุขของมนุษย์อยู่ที่การเสพวัตถุ ยิ่งมีวัตถุเสพมากพรั่งพร้อมก็ยิ่งมีความสุขมาก จากทิฏฐินี้มนุษย์ก็จัดตั้งวางระบบสังคมซึ่งส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่จะนำไปสู่เป้าหมายทางวัตถุ วิถีของสังคมก็ดำเนินไปตามทิฏฐินั้น เพราะฉะนั้นทิฏฐิจึงเป็นสิ่งที่ครอบงำและกำหนดสังคม
อย่างเช่นสังคมยุคนี้เป็นสังคมที่มุ่งความสำเร็จทางวัตถุ แต่ละคนมุ่งความสำเร็จของชีวิตของตนในทางเศรษฐกิจ รวมทั้งอำนาจเกียรติและผลประโยชน์ ความสำเร็จนี้อยู่ในระบบแข่งขัน ซึ่งหมายถึงการแข่งขันแย่งชิงแสวงหาผลประโยชน์ ความสำเร็จก็คือการชนะการแข่งขัน เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุด กิจกรรมต่างๆ ทางสังคมของมนุษย์แต่ละคนก็ตาม ที่เป็นส่วนรวมจับกลุ่มกันทำก็ตาม กลายเป็นกิจกรรมเพื่อมุ่งความสำเร็จที่จะได้ผลประโยชน์ให้มากที่สุด หรือกำไรสูงสุด แนวโน้มของสังคมก็จึงเป็นอย่างนี้ คือเป็นสังคมแห่งธุรกิจในระบบแข่งขันเพื่อกำไรสูงสุด บนฐานแห่งทิฏฐิที่มองความสำเร็จทางวัตถุเป็นจุดหมายของชีวิตและสังคม
ทีนี้ ความสำเร็จที่แท้จริงของมนุษย์คืออะไร ถ้าพิจารณาให้กว้างและมองในขั้นพื้นฐาน แน่นอนว่ามนุษย์ต้องการมีชีวิตที่ดีงาม ต้องการสังคมที่มีสันติสุข และต้องการให้โลกนี้รื่นรมย์น่าอยู่อาศัย มนุษย์จะยอมตกลงกันได้หรือไม่ว่า ถ้าเรายังไม่สามารถวางทิฏฐิพื้นฐานอย่างนี้ได้ เราก็แก้ปัญหาในเรื่องการสร้างสันติภาพไม่ได้ เพราะถ้าเรายึดถืออยู่ว่าความสำเร็จคือการได้ผลประโยชน์สูงสุดด้วยชัยชนะในการแข่งขัน ทิฏฐินี้ก็จะครอบงำการดำเนินชีวิตของเราแต่ละคน และกำหนดวิถีของสังคมทั้งหมด ระบบทุกอย่างของสังคมแม้แต่การปกครองก็จะดำเนินไปตามนี้ด้วย ทั้งโดยรู้ตัว และไม่รู้ตัว เมื่อคนมุ่งเตรียมตัวที่จะมาแก่งแย่งช่วงชิงกัน แล้วจะเกิดสันติภาพได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น ทั้งๆที่ก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว เราก็ต้องมาวิเคราะห์กันให้สำนึกตระหนักชัดลงไปว่า ความสำเร็จที่แท้จริงของมนุษย์คืออะไร การได้ผลประโยชน์สูงสุดเป็นความสำเร็จที่แท้จริงและถูกต้องหรือไม่ เรายอมรับหรือไม่ว่าความสำเร็จที่แท้ของมนุษย์ซึ่งเราทุกคนต้องการคือ การมีชีวิตที่ดีงาม มีสังคมที่มีสันติสุข และโลกที่รื่นรมย์น่าอยู่อาศัย
ถ้าเราตั้งทิฏฐิในเรื่องจุดหมายนี้ไม่ได้ เราก็จะวนเวียนกันอยู่อย่างนี้ แล้วจะไปสร้างสันติภาพได้อย่างไร เพราะว่าทิฏฐิที่บ่งชี้จุดหมายสุดท้ายนั้น เป็นเป้าหมายที่บังคับมนุษย์ทั้งสังคมอยู่ในตัวว่า จะต้องแก่งแย่งและทะเลาะวิวาทกัน
ขณะนี้เรามาแก้ปัญหากันอยู่เพียงในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และมาหาความคิดเห็นกันแค่เรื่องปลีกย่อย แล้วจะไปสร้างโลกให้มีสันติภาพได้อย่างไร เราต้องมองแยกขยายให้เห็นความสัมพันธ์ในระดับที่กว้างขวาง ครอบคลุม และเห็นภาพรวมอย่างทั่วถึงตลอดทั้งหมด นี้เป็นเรื่องตัวอย่างที่ขอนำมากล่าว
No Comments
Comments are closed.