การศึกษาที่พัฒนาคนให้สร้างสันติภาพได้ ก็จะพัฒนาคนให้มีความสุขมากขึ้นด้วย

6 สิงหาคม 2539
เป็นตอนที่ 22 จาก 31 ตอนของ

การศึกษาที่พัฒนาคนให้สร้างสันติภาพได้ ก็จะพัฒนาคนให้มีความสุขมากขึ้นด้วย

เมื่อยังไม่พัฒนา ความสุขมาจากช่องทางเดียว คือเสพ เพื่อสนองความต้องการทางด้านความรู้สึก แต่การสนองความต้องการด้านความรู้สึกนี้มีปัญหา เพราะมีด้านบวกกับด้านลบ คือ เมื่อได้เสพสิ่งที่ชอบใจเขามีความสุข แต่เมื่อพบสิ่งที่ไม่ชอบใจเขาจะเป็นทุกข์ ฉะนั้นคนที่ใช้ ตา หู จมูก ลิ้นเพื่อเสพ ชีวิตจะวนเวียนอยู่กับสุขและทุกข์ จากสิ่งที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ถ้าชอบใจก็สุข ไม่ชอบใจก็ทุกข์ วนอยู่อย่างนี้ตลอดไป โดยที่ตัวคนไม่มีการพัฒนา

ในทางตรงข้าม เมื่อคนเริ่มศึกษาเพื่อสนองความต้องการที่จะเรียนรู้นั้น การเรียนรู้ไม่ขึ้นต่อความชอบใจหรือไม่ชอบใจ ประสบการณ์หรือสถานการณ์ทุกอย่าง ไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบ ล้วนเป็นสิ่งที่จะให้เกิดการเรียนรู้ได้ทั้งสิ้นเพราะฉะนั้นเขาจึงเรียนรู้ได้ทั้งจากสิ่งที่ชอบใจและไม่ชอบใจ และเขาก็จึงมีความสุขได้ ทั้งจากสิ่งที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ถึงตอนนี้จะเห็นว่ามนุษย์เริ่มพัฒนาแล้ว มิติของความสุขเริ่มเปลี่ยนแปลงไป และบุคคลนั้นก็เริ่มพ้นจากสังสารวัฏแห่งสุขและทุกข์จากการพบสิ่งที่ชอบใจและไม่ชอบใจ

เพียงเริ่มต้นศึกษา เริ่มเรียนรู้ เขาก็มีความทุกข์น้อยลง และได้ความสุขชนิดใหม่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งเป็นความสุขที่ไม่เป็นโทษแก่ใคร และมาพร้อมกับการพัฒนาชีวิตของตนด้วย

ขั้นต่อไป คนจะก้าวไปสู่ความตระหนักรู้ว่า จากสิ่งที่ไม่ชอบใจหรือยากลำบากเรามักได้เรียนรู้มากกว่าสิ่งที่ง่ายหรือชอบใจ จากสิ่งที่เป็นปัญหาเราจะได้เรียนรู้มาก ความตระหนักรู้นี้จะทำให้เกิดความสุขจากการพบสิ่งที่ยากซึ่งเป็นปัญหาหรือไม่น่าชอบใจ เพราะต้องการจะได้เรียนรู้ให้มาก

จะเห็นว่าช่วงที่กล่าวมานี้เป็นจุดแยกที่การศึกษาเริ่มต้น และการศึกษาเริ่มต้นเมื่อใดคนก็เริ่มมีความสุขเพิ่มขึ้นเมื่อนั้น และได้พบมิติใหม่แห่งความสุขด้วย และบุคคลนั้นก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการพัฒนาชีวิตที่ตรงออกไปข้างหน้าเหมือนไม่รู้จบ เพราะการเรียนรู้จะพัฒนาไปไม่หยุดยั้ง แต่ในทางตรงข้าม ถ้าคนหาความสุขจากการสนองความต้องการเสพ เขาก็จะหมุนวนอยู่กับสุขจากการได้สนองความรู้สึกชอบใจ และมีทุกข์จากการพบสิ่งไม่ชอบใจ เวียนหมกจมอยู่นั่น ไม่ไปไหน เป็นวงกลมอย่างที่เรียกว่า สังสารวัฏ เป็นอันว่าไม่มีการพัฒนา

เมื่อเรียนรู้และได้ความรู้มา ก็จะมีการก้าวต่อไปเรื่อยว่า นี่คืออะไร นี่เป็นอะไร ทำไมเป็นอย่างนี้ เป็นเพราะอะไร เป็นมาอย่างไร โยงสัมพันธ์ไปถึงอะไร เอาไปใช้ทำอะไร และเรียนรู้สิ่งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขยายออกไป

เมื่อเรียนรู้หลายอย่างเพิ่มมากขึ้น ก็เห็นความแตกต่าง ต่อไปก็จะเห็นว่าสิ่งนี้ควรเป็นอย่างนี้ สิ่งนั้นควรเป็นอย่างนั้น ภาวะที่ดีที่สมบูรณ์ควรจะเป็นอย่างนั้น การเรียนรู้จะโยงต่อไปสู่การมองเห็นว่า อะไรควรจะเป็นอย่างไร ภาวะที่ดีที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร เมื่อเราเห็นภาวะที่ดีที่ควรจะเป็น เราก็จะมีความอยากความต้องการชนิดใหม่ตามมา คือความอยากให้สิ่งนั้นอยู่ในภาวะอย่างหนึ่งที่ดี ที่เราเห็นด้วยปัญญาว่ามันควรจะเป็น

เมื่อเราอยากคือต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น แต่มันยังไม่เป็น เราก็เกิดความต้องการต่อไปอีก คือต้องการทำให้มันเป็นอย่างนั้น เรียกว่า ความอยากทำให้มันดี แล้วก็จะมีการสนองความต้องการด้วยการทำให้เป็นอย่างนั้น พร้อมทั้งเกิดความสุขในการได้สนองความต้องการด้วยการกระทำ นี่คือขั้นตอนที่สำคัญมากของการพัฒนาคน คือการเกิดความสุขจากการกระทำ

การทำให้ดี ให้ภาวะที่ควรจะเป็นเกิดขึ้นนี้ เรียกว่า การสร้างสรรค์ ถึงตอนนี้คนก็จะพัฒนาจากความเป็นนักศึกษา มาเป็นนักสร้างสรรค์ด้วย และเขาก็จะมีความสุขจากการสร้างสรรค์ คือความสุขจากการทำ ซึ่งหมายถึงการทำให้มันดี เขาก้าวไปไกลและจะต่อไปเรื่อยๆ ในการพัฒนา ในขณะที่มนุษย์ที่ใช้ตา หู เพื่อเสพ ก็จะมีแต่สุขทุกข์ที่วนเวียนอยู่กับสิ่งที่ชอบใจและไม่ชอบใจ พบสิ่งที่ชอบใจก็สุข พบสิ่งที่ไม่ชอบใจก็ทุกข์ จมอยู่ที่เก่า

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< จุดแยกเข้าสู่กระบวนการของการศึกษา ก็เป็นจุดแยกเข้าสู่กระบวนการพัฒนาสันติภาพสุขที่ก่อปัญหา ไม่อาจพาสันติภาพมาให้ >>

No Comments

Comments are closed.