- สถานการณ์พระพุทธศาสนา: พลิกหายนะ เป็นพัฒนา
- – ๑ – วงใน – ชั้นใน สภาพวัด และพระสงฆ์
- ภาวะขาดเณร: เกณฑ์บอกชะตาต่อไป
- สัญญาณเตือนภัย: ข่าวว่าพระทำไมประพฤติเสียหาย
- สภาพสังคมไทย ภาพสะท้อน-เห็นอะไรจากข่าวสาร
- มองพระสงฆ์ให้เป็น ก็เห็นสภาพสังคมไทย
- คิดดูให้ดี พุทธศาสนานี้เป็นของใคร
- มัวแต่ด่าว่าเขา ไม่รู้ว่าเรานี่แหละตัวสำคัญ
- คนสร้างสังคม สังคมสร้างคน ถ้าไม่ตัดวงจร ไม่แปรปัจจัย คนสร้างสังคมไว้อย่างไร ก็ได้คนอย่างนั้นมาสร้างสังคมต่อไป
- ฉลาดเชิงกลไก แต่ไม่พัฒนาปัญญา ท่องไปทั่วหล้า แต่ปัญญาอ้างว้าง
- ต้องพัฒนาตัวกันทุกคน ไม่มีใครหนีพ้นความรับผิดชอบ
- – ๒ – วงใน – ชั้นนอก สภาพพุทธศาสนิก
- ถ้ายึดหลักไว้ได้ ก็ยังไม่ร่วงหลุดไป
- จะสอนอย่างไร ก็ต้องให้เข้าสู่จุดเริ่ม ที่เขาจะก้าวต่อไปได้
- สอนเอาหลักเพื่อประโยชน์แก่เขา ไม่ใช่สอนเอาแต่ใจของตัว
- ไม่ใช่สอนเอาใจเขา แต่สอนนำเขาเข้าหาหลัก
- ถ้ายังเอาความศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องคิดให้ทางเลือกที่ถูกหลัก
- ไม่ใช่เอาใจเขา แต่เราทำอย่างรู้หลัก และไม่ใช่คิดจะเอาจากเขา แล้วมอมเมาให้เขวจากหลัก
- พัฒนาคนให้มีความสุขประณีตขึ้นไป สังคมก็จะได้จริยธรรมที่มั่นคง
- เมื่อเอาผลทางพลังจิตมาสนองด้านกาม พฤติกรรมก็ต้องเกิดความวิปริต
- – ๓ – วงนอก – ชั้นใน สภาพสังคมไทย
- ด้วยการเป็นผู้ตาม ก็ได้ยอมรับความด้อย ด้วยการมองความเจริญแบบนักบริโภค ก็รักษาความเป็นผู้ตามไว้ได้
- จะเอาอย่างเขา หรือไม่เอาอย่าง ก็อย่าไปสุดทางสองข้าง
- จะเอาอย่างเขาถูกต้อง จนเป็นผู้นำเขาได้ ต้องมีการศึกษาที่ดี มานำทางไป
- เอาอย่างด้วยปัญญา ถึงแม้เลียนแบบก็ต้องทำให้ดีกว่า จึงจะมีคุณค่า ให้เขายอมนับถือ
- ตามเป็น เอาอย่างเป็น นับเข้าได้ในองค์ประกอบของการพัฒนา
- ความผิดเพี้ยนในวัฒนธรรมไทย บทเรียนให้ช่วยกันแก้ไข
- ไม่อยาก ก็พลาด แต่พออยาก ก็ผิด จะพัฒนาสัมฤทธิ์ ต้องอยากให้เป็น
- จากรับ-ตาม สู่ความเป็นผู้นำ-ผู้ให้ ก้าวยิ่งใหญ่ที่ท้าทายความสำเร็จ
- – ๔ – วงนอก – ชั้นนอก สภาวการณ์ของโลก
- มองดูคนที่เดินนำหน้า อย่าให้พาเราเดินหลงทาง
- คนข้างหน้าติดตัน หันรีหันขวาง เพราะเจอเหวดักหน้า ต้องหาทางกันใหม่
- ความก้าวหน้าที่แสนจะภูมิใจ กลายเป็นการหาภัยมาทำลายตัว
- เมื่อรู้ว่าทางตัน แม้จะหันไปหาทางใหม่ แต่ก็สูญเสียความหวัง ความมั่นใจก็หมดไป
- เมื่อผู้เดินนำหน้าเกิดอาการหวั่นไหว คนมีปัญญาต้องนำหาทางออกใหม่
- ต้องหยั่งรู้สาเหตุของปัญหา จึงจะมองเห็นทางแก้ไข
- เมื่อจับจุดปัญหาได้แน่ ก็สืบสาวเพื่อแก้ ให้ตรงกับเหตุปัจจัย
- อารยธรรมถึงจุดหักเลี้ยว โลกหันหาทางเลือกใหม่
- ผู้เคยเดินนำ ไม่แน่ว่าจะคลำหาทางไหว ผู้ใดเห็นทาง ผู้นั้นควรลุกขึ้นเดินนำไป
- สรุป
- บันทึกท้ายเล่ม
ไม่ใช่เอาใจเขา แต่เราทำอย่างรู้หลัก
และไม่ใช่คิดจะเอาจากเขา แล้วมอมเมาให้เขวจากหลัก
อย่างที่ว่าแล้ว เรื่องนี้ก็สัมพันธ์กับคุณภาพของคนสอนด้วย คนสอนสมัยนี้มีความสามารถอย่างพระพุทธเจ้าไหม ก็ตอบได้ว่าไม่ แล้วท่านจะสอนพรวดเดียวสำเร็จเลยหรือ หรือถ้าท่านทำได้ ผู้สอนอื่นๆ ทำได้หรือ
ไม่ควรเอาแต่ใจตนเองผู้เดียวมาเป็นมาตรฐาน ต้องให้แนวทางแก่ส่วนรวมด้วย ขอให้มีหลักกลางที่ชัดเจน
เพราะฉะนั้น เราต้องรู้หลัก และรู้กำลังของเรา จับหลักให้ถูก ถ้าท่านจะใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนา ท่านต้องใช้ด้วยความเข้าใจในหลักนี้ และจับหลักไว้ให้มั่น แล้วใช้วิธีนำทางที่เหมาะกับกำลังของตน อย่าไปหวังผลลาภสักการะ หรือผลประโยชน์ส่วนตน
ถ้าไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตน ไม่หวังลาภสักการะแล้ว ก็ไม่เป็นไร สบายใจไปครึ่งค่อนแล้ว ขออีกอย่างหนึ่งคือ ให้มีปัญญาเข้าใจในหลัก แล้วก็มีสติระลึกไว้ว่าเราจะเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นอุปกรณ์ในวิถีของการพัฒนา ที่จะชักจูงประชาชนขึ้นไปในวิถีของการฝึกอบรมตนให้เขามีการศึกษาที่ดีขึ้น
เอาละ อันนี้เป็นเรื่องของการที่ต้องรู้หลักการให้ชัดเจน คือหลักพระพุทธศาสนา ที่ว่า เชื่อในหลักกรรม และปฏิบัติในการพัฒนาตน ให้เดินไปในวิถีของการพัฒนาตน หรือสิกขา หรือการศึกษา
แล้วก็ถือคุณธรรมเป็นหลักของความศักดิ์สิทธิ์ ให้คนหวังผลจากการกระทำ ถ้าจะมีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องให้มาเสริมการกระทำ อย่ายกชะตากรรมของตนให้แก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
เพราะฉะนั้น ในสภาพปัจจุบันที่ทำกันอยู่ จึงน่าเป็นห่วง เพราะทำโดยไม่รู้หลักเลย เมื่อไม่รู้หลัก ก็เสียหลัก หรือซ้ำร้ายทำโดยตั้งใจให้ผิดหลักด้วย
หนึ่ง คือ มีการชักจูงล่อเร้าให้เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันมาก ที่ร้ายที่สุดก็คือ การกระทำโดยหวังลาภสักการะ หวังผลประโยชน์ แล้วเลยมอมเมาให้เขาลุ่มหลงหนักยิ่งขึ้น
สอง คือ ทำแบบนอกศาสนา ให้คนยกชะตากรรมให้แก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล หวังผลลอยๆ จากการดลบันดาลหรือฤทธิ์อำนาจเหล่านั้น ที่อยู่นอกตัว
สาม คือ แทนที่จะดึงเข้าสู่พระศาสนายิ่งขึ้น กลับดึงให้หลุดออกไปจากพระพุทธศาสนา จากพระรัตนตรัยออกไปหาพระพรหม เทพเจ้า และสิ่งลึกลับต่างๆ
No Comments
Comments are closed.