เครื่องกล่อมและปลอบใจ ต้องรู้จักใช้ เอาพอได้พักตั้งตัว เพื่อเดินหน้ากันต่อไป

3 เมษายน 2538
เป็นตอนที่ 30 จาก 34 ตอนของ

เครื่องกล่อมและปลอบใจ ต้องรู้จักใช้
เอาพอได้พักตั้งตัว เพื่อเดินหน้ากันต่อไป

พระผู้เข้าอบรม – การมีวัดไทย ช่วยทำให้เกิดประโยชน์อย่างไร1

พระธรรมปิฎก – บางอย่างคิดว่าตอบไปในเรื่องที่พูดมาแล้ว แต่เมื่อพูดถึงการทำประโยชน์อะไรนี่ ก็ทำมาก ต้องยอมรับสิ่งที่ท่านทำมา เช่นการเป็นศูนย์กลางของชุมชนไทย ซึ่งทำให้คนไทยรวมกันได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าคนไทยจะมีลักษณะที่บอกเมื่อกี้ว่าไม่ค่อยรวมตัวกัน แต่ก็ยังรวมได้ดีขึ้นเยอะ นอกจากนั้นก็เป็นศูนย์กลางกิจกรรม และเป็นศูนย์กลางรักษาวัฒนธรรมไทย รวมทั้งการสอนภาษาไทย ซึ่งทำให้เด็กไทยรุ่นใหม่ในอเมริกาได้รู้จักภาษาไทย ได้รู้จักเมืองไทย ได้รู้จักวัฒนธรรมไทย รู้จักกราบไหว้ เข้ามาใกล้ชิดพระศาสนา อันนี้นับว่าเป็นประโยชน์ที่ช่วยได้มาก แต่ก็อยู่ที่พระเรานี่แหละ ว่าจะมีความขยันหมั่นเพียรและตั้งใจแค่ไหน แต่เราต้องยอมรับว่าหลายวัดท่านทำได้ดี ก็ต้องให้กำลังใจกัน ส่วนที่เสียก็มีบ้าง

ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งก็คือทางจิตใจ เมื่อวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนแล้ว ก็ช่วยคนไทยได้หลายอย่าง โดยเฉพาะคนไทยไปอยู่ในสังคมฝรั่ง ก็มีปัญหาเยอะ โดยมากจะไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก อาจจะพูดว่า แม้จะสุขกายก็ไม่ค่อยสุขใจ การอยู่ในประเทศอย่างอเมริกานั้น ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่ฟุ่มเฟือย มั่งคั่งพรั่งพร้อม แสนสุขสบายและสะดวกทุกอย่าง แต่ใจไม่ค่อยเป็นสุขเท่าไร

ตอนแรกไปใหม่ๆ ก็วุ่นกับการหาเงินหาทอง มีความขยันหมั่นเพียรจนกระทั่งตั้งตัวได้ แต่พอมีเงินมีทองใช้พอสมควร ก็เริ่มได้คิดว่า เราต้องการอะไรแน่ อยู่ในสังคมฝรั่งไม่อบอุ่น จิตใจเริ่มว้าเหว่ คิดถึงบ้าน เพราะฉะนั้น คนไทยส่วนมาก พอเป็นผู้ใหญ่หน่อย จะบอกว่า อยากจะกลับมาตายในประเทศไทย คือสุดท้ายก็อยากกลับประเทศไทย

ทั้งๆ ที่อยู่ที่โน่นก็มีฐานะดีแล้ว แต่มีปัญหาทางจิตใจที่ว่า ไม่อบอุ่น อยู่ที่นั่นเหมือนกับตัวอยู่โดดเดี่ยว เพราะ หนึ่ง…สังคมของเขาเป็นสังคมตัวใครตัวมัน มีแต่การดิ้นรนแข่งขัน ความมีน้ำใจต่อกันหาได้ยาก สอง…ตัวนี่ไปจากสังคมที่มีลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์แบบมีน้ำใจต่อกันดี เอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือ เมื่อไปอยู่ในสังคมแบบตัวใครตัวมัน ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกที่ขัดและตัดกันอย่างแรง ความรู้สึกเหงา ว้าเหว่ ขาดความอบอุ่นก็ยิ่งเด่น สาม…สังคมอเมริกันถึงอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกเหยียดผิว ยังมีความรู้สึกเข้ากันไม่ได้ เป็นความรู้สึกในทางที่ไม่ดี และเมื่อทำงานไป ถึงเราจะเก่งอย่างไร ถ้าไม่เปลี่ยนสัญชาติ เขาก็ไม่ยอมให้พวกเราต่างชาติขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงๆ เช่น เป็นหัวหน้าในบางหน่วยงาน คนไทยเราไปอยู่เมืองนอก เก่งกันเยอะ แต่เราก็ไม่สามารถจะก้าวหน้าถึงที่สุดได้ และในแง่ของความสัมพันธ์ที่ว่าเมื่อกี้ ไปไหนคนฝรั่งเขาจะมองดูด้วยสายตาที่ยังไม่กลมกลืนกัน เพราะฉะนั้น ความรู้สึกไม่สบายใจ จึงยังมีอยู่

เมื่อมีวัดไทยขึ้นมา ก็ช่วยทางจิตใจของคนไทยที่นั่นได้หลายทาง บางท่านเพียงได้มาวัดไทย พบสภาพแวดล้อมของวัฒนธรรมไทยก็สบายใจ บางท่านก็มาพบพระสนทนา หรืออาจปรึกษาไถ่ถาม บางท่านสบายเมื่อได้พบปะสังสรรค์กับคนไทยด้วยกัน วัดก็สนองความต้องการทางจิตใจ ช่วยให้สบายใจ ความรู้สึกอย่างนี้อาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้บางท่านมาสนใจเข้ากรรมฐาน แต่อันนี้คือจุดที่จะต้องเตือนพวกเราว่า ระวังอย่าจูงเขาเลยเถิด หรือพาเขวออกนอกทาง เพราะพระบางองค์ไปแล้วก็มุ่งจะแสวงหาผลประโยชน์

ขอเล่าสักนิดหนึ่ง ตอนที่ลาวแตก หลายปีมาแล้ว ก็มีพระและชาวบ้านหนีภัยไปอเมริกาและประเทศต่างๆ เยอะ สำหรับที่อเมริกาก็มีพระลาวไปอยู่ในเมืองต่างๆ หลายแห่ง ท่านหนึ่งไปอยู่ที่เมือง New York ปรากฏว่าเป็นเจ้าคณะแขวงเก่า เจ้าคณะแขวงในลาวก็คือ เจ้าคณะจังหวัด ท่านมีบุคคลิกลักษณะดี และเป็นผู้ใหญ่ด้วย พอดีเราไปอยู่ที่นั่น ก็ได้เห็นพฤติกรรมและความเป็นอยู่ของท่าน ซึ่งเราคิดว่าคงจะเป็นสภาพชีวิตทำนองเดียวกับตอนอยู่เมืองของท่าน เช่น ที่วัดไทยที่นั่น เราเห็นของต่างๆ ที่อยู่ตามบ้าน ฝากท่านองค์นี้มาอยู่ที่วัดเยอะหมด มีทั้งของเล็กของใหญ่ หลายประเภท แล้วก็ได้ทราบว่า ที่มาอย่างนี้ ก็เพราะว่า เวลาท่านไปตามบ้านญาติโยม ซึ่งอาจจะไปในกิจนิมนต์ เช่นไปในงานทำบุญ ของเหล่านั้นก็ตามมากับท่าน

เรื่องจะเป็นทำนองนี้ว่า เมื่อสนทนากับเจ้าของบ้านก็มีการทักทายกัน โดยที่ทางเจ้าของบ้านอาจจะเริ่มว่า ทำไมผม/ดิฉันตอนนี้โชคไม่ดี มีแต่เรื่องไม่สบายใจ หรือท่านอาจจะเริ่มขึ้นเองอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แต่ผลปลายออกมาอย่างเดียวกัน คือ ท่านจะถามว่า เอ้อ บ้านนี้มีวัตถุลักษณะอย่างนี้ไหม สีดำๆ รูปร่างกลมๆ อะไรนี่น่ะ แล้วเขาก็จะถามว่า เอ๊ะ เป็นอย่างไรล่ะครับ ท่านก็จะบอกว่ามันไม่ถูกชะตากับเจ้าของบ้าน ทีนี้เขาก็เดือดร้อนสินะ หากันใหญ่เลยว่าวัตถุรูปร่างอย่างนั้น สีอย่างนั้น คืออะไร? ควานหาในบ้านเอามาให้ดู อันนี้ใช่ไหมครับ ก็บอกไม่ใช่ ไปหามาอีก อันโน้นใช่ไหม…ไม่ใช่ อันนี้ใช่ไหม…ไม่ใช่ จนกระทั่งถึงอันหนึ่งท่านก็บอกว่าอันนี้แหละ แล้วผมจะทำอย่างไรล่ะครับ ก็บอกว่า ไม่ได้ ต้องเอาออกไปนอกบ้าน

ของเหล่านั้น ถ้าเป็นของที่ทิ้งได้ก็ทิ้งไป แต่บางทีบางอย่างก็ฝากท่านไป ท่านก็เอาไปเก็บไว้ที่วัด เพราะไม่รู้จะไว้ที่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ มันเป็นทางหาลาภหาผล บางทีไปตรงกับของมีค่าที่บรรพบุรุษเขาให้มา บางทีเป็นเหรียญพระก็มี เป็นสายสร้อยทองก็มี บางรายเขาเสียดายเต็มที แต่ตอนนั้นเขายอมให้มาเพราะเขากำลังกลัวเคราะห์ร้ายแม้จะสองจิตสองใจ ต่อมาตัดสินใจใหม่ ตามมาที่วัดขอคืนไปก็มี และของบางอย่างที่มีค่าทางวัดก็ให้ญาติโยมมาประมูลกันไป อีกอย่างหนึ่ง เวลาอยู่วัดก็โทรศัพท์เรื่อย เช่นมีการปรึกษาว่าสามีหนี จะทำเสน่ห์อย่างไรเขาจึงจะกลับมาอยู่ด้วย อะไรทำนองนี้

อีกองค์หนึ่ง ไปอยู่ทางด้านรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ก็มีกิตติศัพท์เล่าลือกันว่า เวลาไปไหน เดี๋ยวก็ชี้บอกว่า โอ้! คุณนี่ แต่ก่อนเป็นลูกสาวฉันในชาติโน้น พอไปเจออีกคนหนึ่งก็บอกว่าในชาติก่อนเคยเป็นนั่นเป็นนี่กัน และอ้างตัวว่าเป็นพระระดับลูกแก้วหรือแถวๆ นั้น ไม่รู้เป็นจริงหรือเปล่า

นี่แหละทำให้เรามานึกกันว่า เอ อย่างนี้กระมังที่เป็นเหตุให้คอมมูนิสต์เขาไม่เอาไว้ เพราะว่าพระลาวไปกันขนาดนี้จึงทำให้พวกคนรุ่นใหม่เบื่อหน่ายเต็มที สภาพพุทธศาสนาในลาวก่อนแตกคงจะเป็นอย่างนี้กระมัง เคยได้ยินข่าวว่า ตอนที่ลาวแดงรบชนะเข้าเมืองครองเมืองแล้ว ได้เอาพระที่มีชื่อว่าขลังๆ มา ให้ขึ้นนั่งบนตอไม้ แล้วก็ทดสอบความขลังโดยเอาปืนอาก้า (AK = Avtomat Kalashnikov)) ยิงรัวเลย นี่ก็เรื่องหนึ่งที่ต้องระวังและเป็นเครื่องเตือนสติ

หลังจากลาวแดงยึดเมืองลาวได้แล้ว ลาวกับไทยขาดการติดต่อกันไปนาน แต่เวลานี้มีสัมพันธ์กันอีกแล้ว พระจากเมืองลาวเข้ามาเรียนต่อในเมืองไทยอีก เมื่อสองสามเดือนก่อนผมไปพูดที่แห่งหนึ่ง พบพระที่ไปฟัง ๒ รูป นึกว่าพระไทย พอถามดูปรากฏว่าเป็นพระลาว ก็เลยถือโอกาสถามสภาพการพระศาสนาในลาว พระนี้มาเรียนชั้นปริญญาตรี ท่านเล่าว่า ในลาวเวลานี้พระต้องเอาแต่ด้านธรรม จะทำไสยศาสตร์และหมอดูเป็นต้นไม่ได้เลย องค์ไหนทำจะถูกจับสึก แม้แต่เพียงเขาเห็นทำท่ายื่นมือมาจะดูลายมือกันก็จับเลย เรื่องนี้ใครมีเวลาและโอกาส น่าจะสอบถามหาความรู้ประกอบการศึกษาไว้ด้วย

คนไทยที่ไปอยู่อเมริกาในสภาพสังคมแบบนั้น และมีสภาพจิตว้าเหว่อย่างนี้ หลายคนจะถูกจูงง่าย ดังที่ปรากฏว่าคนไทยที่ไปอยู่เมืองนอกหลายคนจะติดเรื่องโหร เรื่องการทำนายทายทัก เรื่องไสยศาสตร์ได้ง่าย และติดกันเยอะด้วย เพราะชีวิตเสี่ยงโชคเสี่ยงภัยและมีปัญหาทางจิตใจ เช่นว้าเหว่ ฉะนั้น พระเราจะต้องตั้งจิตเป็นกุศลไว้ให้มั่นว่าจะไม่ไปหาผลประโยชน์จากญาติโยม เป็นแต่เพียงไปช่วย แต่ไม่ใช่หมายความว่าจะไม่ให้ใช้สิ่งเหล่านี้เสียเลย วัตถุมงคลใช้เป็นก็มีประโยชน์ แต่ใช้อย่างไร ต้องใช้เพื่อดึงคนขึ้น ไม่ใช่ใช้เพื่อหาผลประโยชน์จากเขา และไม่ใช้เพื่อดึงเขาให้หมกจมอยู่ แต่ใช้เพื่อเป็นสื่อนำเขาขึ้นมา ถ้าใช้อย่างนี้ก็จะไม่มีปัญหา เพราะเรื่องอย่างนี้ เป็นเครื่องปลอบประโลมใจ บำรุงขวัญ ก็ต้องมีอยู่ แต่เอาแค่เป็นจุดพบและเป็นจุดผ่าน อย่าใช้เป็นเครื่องมือของโลภะ โทสะ โมหะ

พระผู้เข้าอบรม – ถ้าเราใช้เพื่อจะดึงเขาขึ้นมาด้วย แล้วก็เพื่อหาผลประโยชน์ด้วยเนี่ย ผิดไหมครับ

พระธรรมปิฎก – อย่างนั้นเจตนาก็ไม่ค่อยดี มีโลภะผสม เป็นโลภสัมปยุตต์

พระผู้เข้าอบรม – คือ ดึงเขาขึ้นมาด้วย ช่วยเขาด้วยในด้านจิตใจ เราก็ทำในทางที่ถูก แต่ถ้าเขาให้ ก็รับไว้

พระธรรมปิฎก – อันนั้น เราอย่าไปนึกในแง่หาผลประโยชน์ ให้เป็นเรื่องของศรัทธาเขาสิ หมายความว่า พระช่วยแก้ปัญหาให้ญาติโยม เขาจะบำรุงพระศาสนาก็เป็นเรื่องศรัทธาของเขา เราอย่าไปนึกในแง่ผลประโยชน์ส่วนตน ข้อสำคัญ คือ หนึ่ง… เราไม่มุ่ง เราไม่เพ่ง ไม่จ้องจะหาประโยชน์จากเขา สอง… เรามุ่งในแง่ประโยชน์ส่วนรวม ถ้าเขามาศรัทธาบำรุง ก็ว่าไปตามศรัทธา แต่เราพยายามมุ่งให้เป็นประโยชน์ของวัดหรือของพระศาสนาเป็นหลัก คือเน้นในแง่ประโยชน์ส่วนรวม เพื่อมาบำรุงการพระศาสนา เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของศรัทธา ถ้าตราบใดที่ยังบำรุงพระศาสนาด้วยศรัทธา ก็มีทางพัฒนาจิตใจในทางคุณธรรมขึ้นมา เป็นทางเจริญงอกงาม คืออย่าให้หมก ให้ติด ให้จมอยู่ อย่าดึงเขาให้จมเท่านั้นเอง เห็นจะพอไหวนะ

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< แสงสว่างช่วยส่องทางไปข้างหน้า แต่แสงสีอาจพาให้หลงวนเมื่อมองธรรมแยกกระจาย ไม่อยู่ในระบบความสัมพันธ์ ความเข้าใจก็ผิด การปฏิบัติก็พลาด ผลคือความเสียหาย >>

เชิงอรรถ

  1. คำถามที่บันทึกเสียงไว้ ฟังไม่ชัด เดาเอาว่าเป็นทำนองนี้

No Comments

Comments are closed.