- (กล่าวนำ)
- ตอน ๑: ไทยอดีตกับป่า
- เสียงกู่เตือนภัยว่าป่ากำลังจะหมดไป
- คนไทยกับป่า อยู่กันมาด้วยความสัมพันธ์แบบไหน
- วัฒนธรรมของคนไทยเกี่ยวข้องกับป่ามาอย่างไร
- พุทธศาสนามองธรรมชาติอย่างไร
- มองธรรมชาติด้วยความรู้สึกอย่างพุทธะ
- ภูมิหลังของคนไทยในบรรยายกาศแห่งป่าเขาลำเนาไพร
- จิตใจคนไทยสมัยนี้ที่น่าเคลือบแคลง
- ตอน ๒: ไทยปัจจุบันกับป่า
- มุ่งหน้าพัฒนา แปลงป่าเป็นปูน
- มนุษย์กับธรรมชาติ ในแนวคิดเดิมของตะวันตก
- ความสำนึกผิดที่ทำให้หันสู่แนวทางใหม่
- ความสำคัญของป่า ในความหมายของคน
- จะอนุรักษ์ป่าได้ ต้องขยายความคิดของคน
- แนวคิดที่ครอบงำอยู่เหนืออารยธรรมยุคปัจจุบัน
- สู่มิติใหม่แห่งการมองความหมายของชีวิต
- จะแก้ปัญหาให้สัมฤทธิ์ ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดกันใหม่
- จากการประนีประนอมในระบบขัดแย้ง สู่ดุลยภาพในระบบเอื้อประสาน
- องค์รวมแห่งองค์ร่วมสามประสาน คือฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน
- ตอน ๓: ไทยอนาคตกับป่า
- คนยิ่งพัฒนา การแก้ปัญหายิ่งได้ผล
- ปฏิบัติการในการแก้ปัญหา
- การแก้ปัญหาระดับพฤติกรรม: ด้วยกติกาของสังคม
- การแก้ปัญหาระดับพฤติกรรม: ด้วยการสร้างความเคยชินที่ดี
- การแก้ปัญหาระดับจิตใจ: สร้างคุณธรรมและความสุข
- การแก้ปัญหาระดับปัญญา: เมื่อมองเห็นคุณค่า ก็แก้ปัญหาด้วยความพอใจ
- การแก้ปัญหาระดับปัญญา: จากจริยธรรมแห่งความกลัว สู่จริยธรรมแห่งความสุข
- การแก้ปัญหาระดับปัญญา: มองเห็นระบบปัจจัยสัมพันธ์แห่งสรรพสิ่ง
- การแก้ปัญหาระดับปัญญา: บริโภคด้วยปัญญาให้เกิดความพอดี
- การแก้ปัญหาระดับปัญญา: พอคนมีความสุขอย่างอิสระ ป่าก็ได้รับการอนุรักษ์เต็มที่
- คติธรรมส่งท้าย
การแก้ปัญหาระดับจิตใจ:
สร้างคุณธรรมและความสุข
๒. ระดับจิตใจ องค์ประกอบของการแก้ปัญหาในระดับจิตใจนี้มีมากมาย เช่น จิตสำนึกรับผิดชอบ ความเมตตากรุณา ท่าทีของจิตใจที่ชื่นชมความงามของธรรมชาติ ความรู้สึกเป็นสุขในการอยู่กับธรรมชาติ เป็นต้น คุณสมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้น
คุณสมบัติที่ว่านั้น บางทีเป็นความเคยชินของจิตใจ ที่ส่งอิทธิพลหล่อหลอมจากพ่อถึงลูก และจากแม่ถึงลูกได้ เรานำเด็กเข้าไปเที่ยวในสวน ในอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม ให้เขาสนุกสนานเพลิดเพลินมีความสุข เขาก็จะมีความประทับใจ ฝังใจ แล้วมีความรู้สึกที่ดีต่อธรรมชาติ มีความรักความพอใจชอบที่จะอยู่ในบรรยากาศอย่างนั้น
เมื่อใดพฤติกรรมที่ดี มีรากฐานทางจิตใจด้วย พฤติกรรมนั้นจะแน่น ถ้าเขาไม่มีความสุขในการมีพฤติกรรมอย่างนั้น พฤติกรรมนั้นจะไม่ยั่งยืน ถ้าเมื่อไรเขามีความสุขในการมีพฤติกรรมอย่างนั้น พฤติกรรมนั้นจะมั่นคงยั่งยืนคงอยู่เรื่อยไป เพราะฉะนั้น เราจะต้องให้พฤติกรรมกับจิตใจประสานกัน
ทำอย่างไรจึงจะให้เขามีความสุขในการที่จะมีพฤติกรรมอย่างนั้น ถ้าพฤติกรรมนี้เกื้อกูลต่อธรรมชาติ เป็นพฤติกรรมที่พึงปรารถนา เราอยากให้เขามีพฤติกรรมอย่างนั้นสืบต่อไป เราก็ต้องพยายามให้เขามีความสุขในการที่จะมีพฤติกรรมอย่างนั้นด้วย
ในเรื่องนี้ การสร้างท่าทีความรู้สึก พร้อมทั้งบรรยากาศแวดล้อม เช่น ความรู้สึกของพ่อแม่ ครู อาจารย์ ที่แสดงออกต่อสภาพแวดล้อม เป็นการสร้างบรรยากาศในการนำเด็กเข้าสู่ธรรมชาติ บรรยากาศนี้มีอิทธิพลมากในการสร้างความรู้สึกแก่เด็ก
โดยเฉพาะในครั้งแรก พอเขาเข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติแวดล้อมครั้งแรก ถ้าผู้ที่นำเข้าไป โดยเฉพาะผู้ใหญ่ จะเป็นพ่อแม่ หรือครูอาจารย์ก็ตาม ทำให้เกิดความรู้สึกประทับใจที่ดี ก็จะทำให้เขามีความสุข ต่อจากนั้น ความรู้สึกที่ดีนั้นก็จะติดอยู่ และพฤติกรรมที่ดีต่อธรรมชาติก็จะตามมา อันนี้สำคัญมาก
เพราะฉะนั้น พฤติกรรมจึงต้องให้สัมพันธ์กับจิตใจ ให้ลงถึงจิตใจ ด้วยการสร้างท่าทีของจิตใจ พร้อมทั้งความรู้สึกที่ดีงาม ที่มีความชื่นชมธรรมชาติเข้ามาให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะก็คือความสุข ถ้าคนมีความสุขควบคู่ประสานกันไปกับพฤติกรรม พฤติกรรมนั้นก็จะอยู่มั่นคง
ตกลงว่า ในระดับจิตใจนี้ เราอาจจะมุ่งไปที่คุณธรรมสำคัญคือ เมตตากรุณา ความรู้สึกพอใจและเป็นสุข และจิตสำนึกรับผิดชอบ ทั้ง ๓ ตัวนี้ถ้าได้มา ก็เป็นส่วนที่มีประโยชน์ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะการรักษาป่ามาก
อย่างไรก็ดี เพียงแค่ระดับจิตใจยังไม่พอ ต้องได้อีกระดับหนึ่งคือ ระดับปัญญา
No Comments
Comments are closed.