ภาค ๒ ภูมิหลังอารยธรรมโลกาภิวัตน์

17 ธันวาคม 2540
เป็นตอนที่ 20 จาก 58 ตอนของ

ภาค ๒
ภูมิหลังอารยธรรมโลกาภิวัตน์1

 

๑. ภูมิหลังศาสนา กับอารยธรรมตะวันตก

 

ในซีกโลกตะวันตก
ศาสนาเกิดขึ้นมา พร้อมกับความรุนแรง

ศาสนาของตะวันตก เริ่มต้นและดำเนินมาด้วยความรุนแรง เมื่อศาสนาคริสต์เกิดขึ้นใหม่ๆ จักรวรรดิโรมันกำลังเรืองอำนาจครอบครองทั่วยุโรป ศาสนาคริสต์ถูกกำจัดกวาดล้างอย่างรุนแรงเริ่มแต่ ค.ศ. ๖๔ เป็นต้นมา

ตลอดเวลาประมาณ ๒๕๐ ปี จนถึง ค.ศ. ๓๑๓ คริสต์ศาสนิกชนถูกกำจัดกวาดล้างสังหารอย่างทารุณ รวมทั้งถูกจับเอาไปโยนให้สู้กับเสือสิงห์จนถูกกินให้คนดูในสนามกีฬาโคลีเซียม (Colosseum หรือ Coliseum) อันยิ่งใหญ่ ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความงามสง่าโอฬารของกรุงโรม และเป็นเครื่องแสดงลักษณะแห่งสิ่งที่เรียกกันว่าจิตวิญญาณของอารยธรรมโรมัน

ครั้นต่อมา เมื่อจักรวรรดิโรมันหันมานับถือคริสต์ศาสนา เริ่มแต่พระเจ้า Constantine I ใน ค.ศ.313 ต่อนั้นมาไม่นานประวัติศาสตร์อันยืดยาวแห่งการที่คริสต์ศาสนากำจัดกวาดล้างคนนอกรีตและพวกซาตานหรือศัตรูของพระเจ้าก็เริ่มขึ้น ตามด้วยสงครามระหว่างคริสต์ศาสนาต่างนิกายกัน นับแต่ประมาณ ค.ศ.391 เป็นต้นมา จนถึง ค.ศ.1834 เป็นเวลาเกือบ ๑๔๕๐ ปี

การกำจัดกวาดล้างเหล่านี้ เป็นเรื่องที่คริสต์ศาสนจักรร่วมกับอาณาจักรดำเนินการบ้าง คริสต์ศาสนจักรใช้อิทธิพลชักนำให้อาณาจักรปฏิบัติตามบ้าง กลุ่มชนหรือกลุ่มประเทศที่นับถือคริสต์ศาสนาต่างนิกายกันสังหารหรือทำสงครามกันบ้าง

ในสมัยกลาง พวกยิว ชาวมุสลิม และคนนอกรีต เป็นกลุ่มที่ถูกกำจัดกวาดล้างโดยทั่วไป ตลอดจนแม่มดทั้งหลาย (ถือว่าเป็นพวกของซาตาน) ต่อมาก็รวมถึงนักปราชญ์นักวิชาการที่เผยแพร่ความรู้ความคิดเห็นขัดแย้งต่อคำสอนในคริสต์ศาสนา

ถึงกับได้มีสถาบันสำคัญเกิดขึ้นเพื่อทำหน้าที่นี้ คือการที่องค์สันตะปาปา (Pope) ได้ร่วมกับอาณาจักร ตั้งศาลที่เรียกว่า Inquisition (ขอแปลว่า “ศาลไต่สวนศรัทธา”) ขึ้น ใน ค.ศ.1231

ศาลนี้เพิ่งมาสิ้นสุดหมดไปใน ค.ศ.1834 (=ประมาณ ๖๐๐ ปี) คนที่ทางศาสนจักรถือว่านอกรีต เข้ากับซาตาน หรือทำผิดต่อคริสต์ศาสนา ถูกจับขึ้นศาลลงโทษ รวมทั้งเผาทั้งเป็น จำนวนมากมาย

ตัวอย่างที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ คือ บรูโน (Giodarno Bruno) นักปราชญ์ผู้สอนว่า ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาฬ และมีจักรวาฬมากมายเป็นอนันต์ ถูกศาล Inquisiton ตัดสินประหารด้วยการเผาทั้งเป็น ใน ค.ศ.1600

กาลิเลโอ (Galileo Galilei) นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ผู้สอนว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ หาใช่ดวงอาทิตย์หมุนรอบโลกไม่ ก็ถูกจับขึ้นศาลนี้ แต่เพราะกาลิเลโอยอมรับผิด จึงได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษให้ขังกักบริเวณอยู่แต่ในบ้าน (house arrest) จนตายไปเมื่อ ค.ศ.1642

ก่อนหน้านั้น เซอร์วีตัส (Michael Servetus) ผู้ค้นพบระบบการไหลเวียนของโลหิต ก็ถูกศาล Inquisition นี้ ตัดสินประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น ใน ค.ศ.1553

เซอร์วีตัสหนีการจับกุมของศาลฝ่ายคาทอลิกไปได้ ทางฝ่ายคาทอลิกจึงเผาหุ่นแทนตัวเขา แต่เซอร์วีตัสก็ไปถูกฝ่ายโปรเตสแตนต์จับได้ และศาล Inquisition ของฝ่ายโปรเตสแตนต์ (เรียกชื่อว่า Consistory) ที่ Geneva ในสวิสเซอร์แลนด์ ก็ได้ตัดสินให้จับเขาเผาทั้งเป็นได้สำเร็จ ใน ค.ศ. 1553 นั้นเอง

บุคคลหนึ่งที่ถูกศาล Inquisition ตัดสินเผาทั้งเป็น ซึ่งคนทั่วไปจำกันได้ดีมากก็คือ โจนออฟอาร์ค (Joan of Arc) วีรสตรีฝรั่งเศส ที่ถูกตัดสินว่าเป็นแม่มด และถูกเผาทั้งเป็นใน ค.ศ.1431

ในยุโรปยุคนั้น ผู้หญิงถูกศาล Inquisition ตัดสินว่าเป็นแม่มด ถูกประหารชีวิต เช่นด้วยการเผาทั้งเป็นอย่างนี้ จำนวนมากมาย เช่น ในเยอรมันภาคใต้แห่งเดียวก็ประหารไปมากกว่า ๓,๐๐๐ คน

ศาล Inquisition ในสเปน ก็ดุเดือดมาก เพียงช่วงเริ่มต้นก็สั่งประหารชีวิตเผาทั้งเป็นคนนอกรีตไปประมาณ ๒,๐๐๐ คน

ตอนก่อนหน้า/ตอนต่อไป<< ภูมิหลังที่ต่างกันแห่ง ๒ วิธี ในการดำเนินวิถีแห่งสันติภาพสมัยกลางของยุโรป ฝรั่งเรียกว่ายุคมืด เพราะศาสนาคริสต์ครอบงำ ทำให้แสงแห่งปัญญาดับหาย >>

เชิงอรรถ

  1. เนื้อความต่อจากนี้ อันว่าด้วยภูมิหลังของซีกโลกตะวันตก ในการดิ้นรนต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ที่มีความขัดแย้งและการข่มเหงทางศาสนาเป็นพลังบีบคั้นหลักในอดีตอันยาวนาน ตลอดมาจนถึงความขัดแย้งแบบใหม่ พร้อมทั้งท่าทีและอาการแสดงออกในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในโลกปัจจุบัน ภายใต้อิทธิพลความคิดของตะวันตกที่สืบต่อมานั้น เขียนเสร็จยังไม่บริบูรณ์ ทิ้งค้างไว้ตั้งแต่ปลายปี ๒๕๔๑ บัดนี้เวลาล่วงไปนาน แม้จะยังไม่มีโอกาสเขียนต่อ ก็จำต้องพิมพ์ไปก่อน

No Comments

Comments are closed.